ขยับกาย สบายชีวิต ดูดี สมวัย ใส่ใจสุขภาพ
ชื่อโครงการ | ขยับกาย สบายชีวิต ดูดี สมวัย ใส่ใจสุขภาพ |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.ดงยาง |
วันที่อนุมัติ | 1 มกราคม 2565 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2565 - 30 กันยายน 2565 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 สิงหาคม 2565 |
งบประมาณ | 50,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายเสฐวุฒิ โตมรศิริสกุล (ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดงยาง) |
พี่เลี้ยงโครงการ | 1.นายเสฐวุฒิ โตมรศิริสกุล 2.นางสมพร ธานี 3.นายเฉลิมเกียรติ เมาะราษี 4.นางนารี ฝอยทอง 5.นางสาวศุภกานต์ รัตนจารุวัฒน์ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี |
ละติจูด-ลองจิจูด | 15.356866,104.619112place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 ม.ค. 2565 | 30 ก.ย. 2565 | 50,000.00 | |||
รวมงบประมาณ | 50,000.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 20 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 20 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | ร้อยละหน่วยงาน สถานประกอบการ ที่มีกิจกรรมส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายเช่น การออกกำลังกาย การมีการเคลื่อนไหวระหว่างการทำงาน | 22.00 | ||
2 | ร้อยละของเด็กและวัยรุ่นอายุ 5-17 ปี ที่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ (ระดับปานกลางถึงมาก อย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน) | 51.00 | ||
3 | ร้อยละของผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ที่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ (ระดับปานกลางถึงมาก อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์) | 29.00 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) คือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อหรือเกิดจากเชื้อโรค หากแต่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ภายในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากวิถีชีวิต หรือวิธีการใช้ชีวิตที่มีพฤติกรรมเสี่ยงจากการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารหวานมันเค็มจัด และมีความเครียดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมักจะค่อยๆ มีอาการและรุนแรงขึ้นทีละน้อยหากไม่ได้มีการรักษาควบคุมโดยเฉพาะโรคเบาหวาน จะนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นสาเหตุความพิการ การสูญเสียคุณภาพชีวิต และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรองค์การอนามัยโลก(WHO) ระบุว่ากลุ่มโรค NCDs นั้น ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จาก สถิติผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs ในปี พ.ศ. 2552 พบว่าจำนวนการเสียชีวิตทั่วโลกไม่น้อยกว่า 35 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 63 และร้อยละ80 ของผู้เสียชีวิตเป็นประชากรของประเทศที่กำลังพัฒนารวมทั้งประเทศไทย ที่กลุ่มโรค NCDs เป็นฆาตกรฆ่าคนไทยเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งคือ 300,000 คนต่อปี คิดเป็น 73% ของการเสียชีวิตซึ่งมากกว่าสาเหตุการเสียชีวิตอื่นๆ ทุกสาเหตุรวมกันถึง 3 เท่า ทั้งสถิติการเสียชีวิตดังกล่าวยังแสดงว่าประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลกและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ )ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นปัญหาสุขภาพขนาดใหญ่ของประเทศก่อปัญหาภาระกับคนรอบข้างผู้ป่วยทำลายคุณภาพประชากร และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล โดยรัฐต้องแบกรับต้นทุนที่เกิดจากโรคNCDs ถึง 200,000ล้านบาทต่อปี คิดเป็นต้นทุนที่คนไทยต้องแบกรับมูลค่าถึง 3,182 บาทต่อปี ทุกๆ ปี จะมีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นปีละ 8,000 คน ซึ่งการแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เฉพาะหน่วยงานด้านสาธารณสุข” (ทักษพล,2557) แนวโน้มคนไทยเป็นโรคเบาหวานมากขึ้น โดยสหพันธ์เบาหวานนานาชาติได้คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ. 2583 ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยเบาหวานสูงถึง 5.3 ล้านคน และคาดการณ์ว่าจะมีผู้สูงอายุ 1 คนในทุกๆ 5 คนเป็นโรคเบาหวานซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประมาณการณ์ว่า ปัจจุบันประเทศไทยจะต้องจัดสรรงบประมาณ ร้อยละ 11 ของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพทั้งหมดสำหรับการดูแลรักษาโรคเบาหวานและคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41 ภายในปี พ.ศ.2573 ซึ่งหากคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน รวม 3 ล้านคน/ปี จะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้นประมาณ 47,596 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและประชากร(สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, พ.ศ.2551) 3 ปีย้อนหลัง( ปี 2561-2563 ) อำเภอเขื่องในมีผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวน 5,609 ,5,814 และ 6,141 คน ตามลำดับ ในกลุ่มนี้เป็นผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 556 ,374 และ 535คนตามลำดับซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและเป็นอันดับหนึ่งของTop5ของผู้ป่วยที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลผู้ป่วยกลุ่มนี้หากไม่ได้รับการดูแลตนเองที่เหมาะสมจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่องมีค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสูงสาเหตุการเกิดภาวะแทรกซ้อนเกิดจากผู้ป่วยขาดความตระหนักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
มีข้อแนะนำการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ ที่แตกต่างกัน ได้แก่ เด็กปฐมวัย (0 - 5 ปี) ควรมีกิจกรรมทางกายที่หลากหลาย อย่างน้อย 180 นาทีต่อวัน เด็กและวัยรุ่น (6 - 17 ปี) ควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงหนัก อย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน ผู้ใหญ่ (18 - 59 ปี) ควรมีกิจกรรม ทางกายระดับปานกลาง อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือกิจกรรมทางกายระดับหนัก อย่างน้อย 75 นาที ต่อสัปดาห์และกิจกรรมพัฒนาความแข็งแรงและความอ่อนตัวของกล้ามเนื้อ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ผู้สูงวัย (60 ปีขึ้นไป) ควรมีกิจกรรมทางกายเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่เพิ่มกิจกรรมพัฒนาสมดุลร่างกาย และป้องกันการหกล้ม อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ ปัจจุบันคนมีวิถีชีวิตเปลี่ยนไปขาดการมีกิจกรรมทางกาย มีกิจกรรมที่ใช้พลังงานต่ำ ที่เรียกว่า “พฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedentary Behaviour)” เช่น การนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ การใช้คอมพิวเตอร์ การนั่งคุยกับเพื่อน การนั่ง หรือนอนดูโทรทัศน์ ที่ไม่รวมการนอนหลับ มีแนวโน้มที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากขึ้น โดยควร ลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง ด้วยการลุกขึ้นเดินไปมาหรือยืดเหยียดร่างกาย ทุก 1 ชั่วโมง ตลอดจนปัญหาเรื่องของปัญหาพฤติกรรมการกิน และรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบอันนำมาสู่โรคอ้วนและโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆจึงทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง และมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ตลอดเวลา มีภาวะเสี่ยงต่อโรคอ้วน ตลอดจนโรคไข้หวัดเรื้อรังซึ่งมีผลต่อสุขภาพร่างกาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพิ่มการมีกิจกรรมทางกายในสถานที่ทำงาน ร้อยละหน่วยงาน สถานประกอบการ ที่มีกิจกรรมส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย เช่น การออกกำลังกาย การมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวระหว่างการทำงาน |
22.00 | 35.00 |
2 | เพิ่มการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในเด็กและวัยรุ่น ร้อยละของเด็กและวัยรุ่นอายุ 5-17 ปี ที่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ (ระดับปานกลางถึงมาก อย่างน้อยที่สุด 60 นาทีต่อวัน) |
51.00 | 73.00 |
3 | เพิ่มการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในผู้ใหญ่ ร้อยละของผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ที่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ (ระดับปานกลางถึงมาก อย่างน้อยที่สุด 150 นาทีต่อสัปดาห์) |
29.00 | 35.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 50,000.00 | 3 | 50,000.00 | |
9 ก.พ. 65 - 30 มิ.ย. 65 | อบรมแกนนำ เรื่องออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและเหมาะสม กลุ่มเป้าหมายรุ่นที่ 1 ( 2 หมู่บ้าน บ้านดงยาง หมู่ที่ 8 - 12) | 0 | 22,000.00 | ✔ | 22,000.00 | |
9 ก.พ. 65 - 30 มิ.ย. 65 | อบรมแกนนำ เรื่องออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและเหมาะสม กลุ่มเป้าหมายรุ่นที่ 2 ( 2 หมู่บ้าน บ้านยางน้อย หมู่ที่ 1 - 2) | 0 | 22,000.00 | ✔ | 22,000.00 | |
9 ก.พ. 65 - 31 ส.ค. 65 | กิจกรรมที่ดำเนินการตามโครงการฯ | 0 | 0.00 | - | ||
9 ก.พ. 65 - 31 ส.ค. 65 | ติดตามและสรุปผลตามโครงการฯ | 0 | 6,000.00 | ✔ | 6,000.00 |
- ประชาชนลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ
- เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2564 10:58 น.