โครงการ ไม่ล้ม ไม่ลืม ไม่ซึมเศร้า กินข้าวอร่อย
ชื่อโครงการ | โครงการ ไม่ล้ม ไม่ลืม ไม่ซึมเศร้า กินข้าวอร่อย |
รหัสโครงการ | 66-L178-01-11 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหนองยวน |
วันที่อนุมัติ | 30 มกราคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 3 มกราคม 2566 - 30 มิถุนายน 2566 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 15 กันยายน 2566 |
งบประมาณ | 26,340.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | เงินกองทุนฯสถานีอนามัยบ้านหนองยวน |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางวลัยภรณ์ เยาดำ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลละมอ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.597,99.753place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าในปี 2566 จะมีประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปี อยู่ราว 1 ใน 6 ของประชากรทั้งหมด กล่าวตามนิยามของสหประชาชาติ คือ เมื่อประเทศใดมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เกินร้อยละ 10 หรือประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป เกินร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด ถือว่าประเทศนั้นได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ Aging Society และจะเป็นผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ Aging Society ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2547 และจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2567 เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมีผลกระทบต่ออัตราส่วนภาวะพึ่งพิงหรือภาวะโดยรวมที่ประชากรวัยทำงานจะต้องเลี้ยงประชากรสูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น อาจนำไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงปัญหาในด้านสุขภาพของผู้สูงอายุด้วย เนื่องจากผุ้สูงอายุมีภาวะด้านสุขภาพที่เปลี่ยนแปลง
มีความเสื่อมของร่างกาย อวัยวะต่างๆทั้วไปเริ่มอ่อนแอ และเกิดโรคง่าย ภูมิต้านทานโรคน้อยลง รวมถึงมีการเปลี่ยนเเปลงทางด้านจิตใจ และสังคม
ผู้สูงอายุถือได้ว่าเป็นทรัพยากรของชาติที่มีคุณค่าทุกคนควรให้ความรักเคารพและดูแลเอาใจใส่เนื่องจากเป็นผู้ที่สร้างปรโยชน์แก่ประเทศชาติมาก่อน สามารถถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และวัฒนธรรมอันดีไปสู่ลูกหลาน แต่ปัจจุบันผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งจากบุตรหลานมากขึ้นทำกิจวัตรและดูแลตัวเองในเรื่องของความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ฉะนั้นผู้สูงอายุควรต้องได้รับความรู้ในเรื่อง การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน การป้องกันอุบัติเหตุเหล่านี้เป็นต้น เพื่อที่จะสามารถดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองได้ทำให้เกิดปัญหาได้น้อยที่สุดและส่งผลให้จิตใจสดชื่อ แจ่มใส ช่วยให้คนรอบข้างหรือครอบครัวทางสังคมมีความสุขด้วยและครอบครัวเป็นสถาบันที่เล็กที่สุดแต่มีความสำคัญที่สุด ถ้าครอบครัวให้ความสำคัญและเล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุด้วยแล้วครอบครัวและสังคมไทยจะมีความสุขและทุกคนจะมีสุขภาพจิตที่ดีส่งผลให้ร่างกายดีตามมาเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุและส่งเสริมสถาบันครอบครัวดังกล่าว จึงได้ทำโครงการไม่ล้ม ไม่ลืม ไม่ซึมเศร้า กินข้าวอร่อย เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณภาพขชีวิตของผู้สูงอายุให้สามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยได้รับการตรวจประเมินภาวะสุขภาพ 2.เพื่อให้ส่งเสริมผู้สูงอายุมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและแก้ปัญหาด้านสุขภาพด้วยตนเอง 3.เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงได้รับการส่งต่อไปรักษาต่อเนื่อง 4.เพื่อให้การดำเนินงานของชมรมผู้สูงอายุมีความต่อเนื่องและยั่งยืน
|
1.ผู้สูงอายุมีสุขภาพอนามัยที่พึงประสงค์ สามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้ 2.ผู้สูงอายุมีความสามารถ และประสบการณ์ในการส่งเสริมสุขภาพตนเอง ครอบครัวและชุมชน 3.มีชมรมเครือข่ายผู้สูงอายุในพื้นที่แบบยั่งยืนและมีกิจกรรมต่อเนื่อง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2566 10:30 น.