โครงการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกรณี โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจันนา ปีงบประมาณ 2566
ชื่อโครงการ | โครงการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกรณี โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจันนา ปีงบประมาณ 2566 |
รหัสโครงการ | 66-L3317-1-04 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจันนา |
วันที่อนุมัติ | 28 กุมภาพันธ์ 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กุมภาพันธ์ 2566 - 30 กันยายน 2566 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 ตุลาคม 2566 |
งบประมาณ | 36,550.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายโชคชัย เสนเผือก |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางวัชรีย์ เขมะวินิช |
พื้นที่ดำเนินการ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจันนา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สภาพปัญหาทางสุขภาพเปลี่ยนไปด้วย ปัจจุบันแนวโน้มปัญหาสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นจากสาเหตุโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเหล่านี้เป็นปัญหาที่สำคัญระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นสถานการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ในปี 2552 ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีจำนวน 108 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 422 ล้านคน ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชากรทั่วโลกที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 เป็นร้อยละ 8.5 หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้ว พบว่า ปัจจุบันประชากรวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 11 คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนในประเทศไทย จากรายงานของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราตายด้วยโรคเบาหวานต่อประชากรแสนคน ในภาพรวมของประเทศในปี 2556 - 2558 เท่ากับ 14.93, 17.53 และ 17.83 ตามลำดับ เห็นได้ว่า อัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายในประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป ครั้งที่ 3, 4 และ 5 (ปี 2547, 2552 และ 2557) พบว่า ความชุกของโรคเบาหวาน ของครั้งที่ 3 ร้อยละ 7 ใกล้เคียงกับครั้งที่ 4 ร้อยละ 6.9 ส่วนครั้งที่ 5 เพิ่มสูงขึ้นเป็น ร้อยละ 8.8 (คิดเป็น 4.8 ล้านคน) นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี 2551 ยังพบว่าประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกในการรักษาพยาบาลโรคเบาหวานเฉลี่ย 1,172 บาทต่อราย ส่วนผู้ป่วยในค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ย 10,217 บาทต่อราย รวมค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้น 3,984 ล้านบาทต่อปี หากคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน รวม 3 ล้านคนต่อปี มารับบริการที่สถานพยาบาล จะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้นประมาณ 47,596 ล้านบาทต่อปี
จังหวัดพัทลุงมีอัตราตายของผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 3.95 อำเภอควนขนุนมีอัตราตาย ร้อยละ 4.39 และ มีแนวโน้มผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงขึ้นทุกๆปี จากสถิติตั้งแต่ 2561 – 2565 ความชุกของผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังนี้ 4.615, 5.158, 5.483, 5.481 ต่อแสนประชากร ตามลำดับ จากสถิติการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานของประชากรกลุ่มอายุ 3๕ ปีขึ้นไป รพ.สต.บ้านจันนา ตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ปี ๒๕65 คัดกรองโรคเบาหวานกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ดำเนินการคัดกรอง จำนวน 1,221 คน พบว่า กลุ่มแฝง/เสี่ยง จำนวน 284 คน ร้อยละ 23.26 และกลุ่มสงสัยเป็นโรค จำนวน 26 คน ร้อยละ 2.13 คัดกรองโรคความดันโลหิต กลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 1,073 คน พบกลุ่มแฝง/เสี่ยงจำนวน 60คน คิดเป็นร้อยละ 5.59 กลุ่มสงสัยเป็นโรค จำนวน 22 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.05 การที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทำให้ประเทศชาติสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพ ให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและ
ไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วยดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพ ให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วย แนวทางการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนเมื่อเกิดเป็นโรคแล้วจึงเป็นทางเลือกที่ดี การป้องกันและควบคุมโรคซึ่งสามารถกระทำได้ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อคัดกรองเบาหวาน ความดัน โลหิตสูง ในประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป 1.ประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ( จำนวน 859 ราย )ได้รับการคัดกรองเบาหวานความดันโลหิตสูงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 98 |
||
2 | 2. เพื่อติดตามกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ( ค่าความดันโลหิต > 120 /90 mmHg )มาวัดความดันโลหิตซ้ำ หลังมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 2.กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง(ค่า BP >120/80 mmHg)ได้รับความดันโลหิตซ้ำหลังมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 |
||
3 | 3. เพื่อลดการเกิดผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ 3.อัตราผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ จากกลุ่มสงสัยป่วยและกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ไม่เกินร้อยละ 6 |
- ลดการเกิดผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ 2. ลดภาวะแทรกซ้อนของโรค
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2566 10:36 น.