การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การประเมินผู้ป่วยและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน
ชื่อโครงการ | การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การประเมินผู้ป่วยและการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน |
รหัสโครงการ | 66-L3057-1-01 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะเสยะวอ |
วันที่อนุมัติ | 11 เมษายน 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 พฤษภาคม 2566 - 30 สิงหาคม 2566 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 31,300.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายซอไอมิง ปีแนบาโง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลปะเสยะวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.733,101.606place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | 40 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 110 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ในสถานการณ์ปัจจุบัน การบาดเจ็บและอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยมีความหลากหลายมากขึ้น การดูแลผู้ป่วยภาวะวิกฤตฉุกเฉินจากอุบัติเหตุ และภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งภาวะวิกฤตฉุกเฉินต่างๆจำเป็นต้องได้รับการ ประเมินอาการและการช่วยเหลือ อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การเคลื่อนย้ายที่ถูกวิธีเพื่อไม่ให้ผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บ หรือพิการ เพิ่มขึ้นจากการเคลื่อนย้ายที่ไม่ถูกวิธี ดังนั้นการดูแลและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤตฉุกเฉินที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ จึงมีความจำเป็นสำหรับผู้พบเห็นคนแรกที่จะสามารถช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนนำส่งสถานพยาบาลที่มีศักยภาพต่อไป
ภาวะหัวใจหยุดเต้น (Cardiac Arrest) เป็นภาวะที่หัวใจทำงานผิดปกติ จนกระทั่งไม่มีการบีบตัวหรือหยุดเต้น การไหลเวียนโลหิตภายในร่างกานหยุดลงอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนเลี้ยงส่วนของร่างกายไม่เพียงพอ เซลล์ต้องใช้การเผาผลาญพลังงานแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งทำให้ร่างกายเกิดภาวะความเป็นกรด นำไปสู่ความผิดปกติทั้งที่อวัยวะและเซลล์และเมื่ออวัยวะและเซลล์ขาดออกซิเจนเลี้ยงนานๆจะทำให้สูญเสียการทำงานอย่างถาวร โดยสมองจะเกิดความเสียหายหากขาดเลือดเกิน 4 นาที และหากสมองขาดเลือดนานเกิน 12 นาที ก้านสมองซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการหายใจจะเสียหาย ผู้ป่วยจะไม่สามารถหายใจเองได้เนื่องจากเกิดภาวะสมองตาย และเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุดหากไม่ได้รับการแก้ไขภายในระยะเวลาเป็นนาที โดยภาวะหัวใจหยุดเต้นนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ที่พบส่วนใหญ่มี 2 สาเหตุหลักโดยสาเหตุแรกเกิดจากโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากมีโรคหัวใจอยู่เดิมโดยเจ้าตัวอาจไม่ทราบ หรือไม่เคยตรวจมาก่อน มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มักพบว่าหัวใจจะเต้นผิดปกติชนิดที่สั่นพลิ้วไม่มีแรงบีบตัวเพื่อให้เลือดออกจากหัวใจ (Ventricular Fibrillation : VF) ซึ่งในภาวะปกติหัวใจจะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นให้หัวใจบีบตัวอย่างเป็นจังหวะ ซึ่งจะส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย แต่เมื่อเกิดหัวใจเต้นผิดปกติชนิดVF กระแสไฟฟ้าที่ส่งออกจากหัวใจจะเร็วและไม่เป็นจังหวะจนทำให้หัวใจไม่บีบตัวและเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงร่างกายได้ ส่วนสาเหตุที่ 2 คือ การขาดออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายจากระบบการหายใจล้มเหลว เช่น หยุดหายใจ ทางเดินหายใจอุดกั้น จมน้ำ การได้รับสารพิษ การได้รับยาเกินขนาด ไฟฟ้าช๊อต รวมทั้งการขาดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ เช่น การได้รับบาดเจ็บรุนแรง การเสียเลือดในปริมาณมาก เป็นต้น
ในปัจจุบันจากการทำงานและเก็บข้อมูลของผู้ป่วยที่มารับบริการในห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี ปีงบประมาณ 2564 พบว่าผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นก่อนถึงโรงพยาบาลมีจำนวน 60 ราย ซึ่งในจำนวนที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นก่อนถึงโรงพยาบาล ได้รับการช่วยฟื้นคืน ( Cardio Pulmonary Resuscitation: CPR ) โดยผู้พบเห็นเหตุการณ์คนแรก จำนวน 2 ราย คิดเป็น3.33% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติที่พบเห็นผู้ป่วย แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยไม่ได้รับการช่วยฟื้นคืนชีพก่อนมาโรงพยาบาลซึ่ง ปิยสกล สกลสัตยาธร พ.ศ.2559 กล่าวว่า ผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นมักเสียชีวิตทันทีหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ และพบว่าการเริ่มช่วยฟื้นคืนชีพโดยผู้พบเห็นเหตุการณ์ (Bystander) ที่รวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการรอดชีวิตของผู้ป่วย
การช่วยฟื้นคืนชีพ ( Cardio Pulmonary Resuscitation : CPR ) มี 2 ประเภท ได้แก่การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน( Basic Life Support: BLS) และการช่วยชีวิตขั้นสูง (Advance Life Support)
ซึ่งขั้นตอนการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานประกอบด้วย การนวดหัวใจ โดยไม่จำเป็นต้องเป่าปากร่วมด้วย วิธีการนวดหัวใจทำได้โดย วางสันมือข้างที่ถนัดไว้ตรงบริเวณกลางหน้าอกของผู้ป่วย และนำมืออีกข้างหนึ่งวางทับไว้ด้านบน ระหว่างทำการนวดหัวใจให้แขนเหยียดตรงตลอดเวลา จากนั้นให้ทำการกดหน้าอกให้ลึกประมาณ 2 นิ้ว โดยทำการกด และปล่อยหน้าอกให้คืนตัวสุดก่อนการกดแต่ละครั้ง กดด้วยความเร็วอย่างน้อย 100-120 ครั้ง/นาที และพยายามทำการนวดหัวใจให้ต่อเนื่องกันให้มากที่สุด
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะเสยะวอและ กลุ่มงานอุบัติเหตุและฉุกเฉินโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี เห็นถึงความสำคัญในการให้ความรู้กับกลุ่มประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่สามารถพัฒนาและฝึกทักษะ เพื่อพัฒนาศักยภาพ ให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบเหตุได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ๑. เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้และทักษะในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน ๑. กลุ่มเป้าหมายร้อยละ 100 มีความรู้และทักษะในการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน |
100.00 | |
2 | ๒. เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถประเมินและดูแลผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย ๒. กลุ่มเป้าหมายร้อยละ 100 สามารถประเมินและดูแลผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย |
100.00 |
ลำดับ | กิจกรรมหลัก | งบประมาณ | พ.ค. 66 | มิ.ย. 66 | ก.ค. 66 | ส.ค. 66 | |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | กิจกรรมหลักที่ 1 ฟื้นฟูวิชาการและการฝึกปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานและขั้นสูง(1 พ.ค. 2566-30 ส.ค. 2566) | 31,300.00 | |||||
รวม | 31,300.00 |
1 กิจกรรมหลักที่ 1 ฟื้นฟูวิชาการและการฝึกปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานและขั้นสูง | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 150 | 31,300.00 | 0 | 0.00 | |
1 พ.ค. 66 - 30 ส.ค. 66 | ฟื้นฟูวิชาการและการฝึกปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานและขั้นสูง | 150 | 31,300.00 | - | ||
๑. กลุ่มเป้าหมายได้รับการฟื้นฟูวิชาการและฝึกปฏิบัติการช่วยฟื้นชีพขั้นพื้นฐาน ๒. กลุ่มเป้าหมายสามารถประสานงานกับเครือข่ายในการขอความช่วยเหลือ กรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ๓. การขอความช่วยเหลือผ่านหมายเลข 1669 ในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 4. สามารถให้การช่วยเหลือผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2566 10:06 น.