กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

กิตติกรรมประกาศ

"โครงการส่งเสริมทักษะการเอาตัวรอดเมื่อติดในรถ (ศพด.บ้านเหมืองตะกั่ว) จังหวัดพัทลุง" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง

คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.หนองธง ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป

คณะทำงานโครงการ
โครงการส่งเสริมทักษะการเอาตัวรอดเมื่อติดในรถ (ศพด.บ้านเหมืองตะกั่ว)

บทคัดย่อ

โครงการ " โครงการส่งเสริมทักษะการเอาตัวรอดเมื่อติดในรถ (ศพด.บ้านเหมืองตะกั่ว) " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง รหัสโครงการ 66-L3344-3-19 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 มกราคม 2566 - 30 กันยายน 2566 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 8,400.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล อบต.หนองธง เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้

โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ

หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"

สารบัญ

ความเป็นมา/หลักการเหตุผล

จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการลืมเด็กนักเรียนไว้ในรถรับ-ส่ง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือรถรับ-ส่งของโรงเรียน เกิดเหตุการณ์บ่อยครั้งมากขึ้นจากการลืมเด็กในรถจนทำให้เด็กขาดอากาศหายใจ นำไปสู่การเสียชีวิตด้วยสาเหตุดังกล่าว ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเหมืองตะกั่วเล็งเห็นว่าควรจัดโครงการให้ความรู้แก่เด็กปฐมวัยในสังกัด เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือตนเองเมื่อติดอยู่ในรถยนต์ อีกทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสลดจนมีความสูญเสียขึ้นอีก ถึงแม้ว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเหมืองตะกั่วจะไม่มีการให้บริการรับส่งเด็ก แต่เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว  จึงต้องป้องกันก่อนจะเกิดเหตุโดยสอนให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้ระบบการทำงานของรถยนต์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อเอาตัวรอด ประด้วยการแนะนำเกี่ยวกับระบบเซ็นเซอร์ล็อครถยนต์ แนะนำเกี่ยวกับระบบป้องกันการเปิดจากด้านใน การลดกระจก ประตูรถ การใช้สัญญานไฟฉุกเฉิน การใช้แตร และแนะนำให้เด็กเปิดประตูจากฝั่งคนขับ จากนั้นก็ต้องทดลองให้เด็กปฏิบัติจริง นอกจากนั้นควรสร้างองค์ความรู้ให้แก่ครูผู้ดูแลเด็กในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างความใส่ใจ เพราะถึงแม้จะสอนให้เด็กมีความรู้ไว้แก้ไขสถานการณ์คับขัน แต่ผู้ใหญ่ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ตรวจตราภายในรถยนต์ให้ละเอียดรอบคอบว่าไม่ลืมเด็กไว้ในรถ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับครูและผู้ปกครองหากถ้าพลาดพลั้งไปจะเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจหวนคืน กลุ่มเป้าหมาย ผู้ปกครอง และครู จำนวน 55 คน / เด็กปฐมวัย 49 คน สถานที่จัดอบรม ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเหมืองตะกั่ว ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง วิธีดำเนินการ - จัดอบรมเชิงปฏิบัติการป้องกันช่วยเหลือและการเอาตัวรอดกรณีเด็กติดในรถ งบประมาณ จำนวน 8,400 บาท ช่วงเช้าเริ่มเวลา 09.00 – 12.00 น. อบรมให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและช่วยเหลือกรณีเด็กติดในรถ ช่วงบ่ายเริ่มเวลา 13.00 – 16.00 น. อบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความตระหนักถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็ก รายละเอียดการจ่ายดังนี้ - ค่าวิทยากร จำนวน 4 คนๆ ละ 600 บาท เป็นเงิน 2,400 บาท - ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม (สำหรับผู้เข้าร่วมอบรม และผู้จัดการอบรม) จำนวน 55 คนๆ ละ 2 มื้อๆ ละ 25 บาท เป็นเงิน 2,750 บาท - ค่าอาหารกลางวัน (สำหรับผู้เข้าร่วมอบรม และผู้จัดการอบรม) จำนวน 55 คนๆ ละ 1 มื้อๆ ละ 50 บาท เป็นเงิน 2,750 บาท - ค่าไวนิล ขนาด 1.2 x 2.4 เมตร เป็นเงิน 500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,400 บาท (แปดพันสี่ร้อยบาทถ้วน) *หมายเหตุทุกรายการสามารถถัวเฉลี่ยกันได้

สถานการณ์

วัตถุประสงค์โครงการ

1. - เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะการเอาตัวรอดเมื่อติดในรถ - เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและช่วยเหลือกรณีเด็กติดในรถ - เพื่อสร้างความตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก

กิจกรรม/การดำเนินงาน

กลุ่มเป้าหมาย

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

• เด็กปฐมวัยรู้จักเอาตัวรอดกรณีติดในรถ
• ผู้ปกครองรู้วิธีป้องกันและช่วยเหลือกรณีเด็กติดในรถ

ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน

* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น