โครงการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังควบคุมป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน รพ.สต.บ้านจันนา ปีงบประมาณ 2567
ชื่อโครงการ | โครงการจัดการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังควบคุมป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน รพ.สต.บ้านจันนา ปีงบประมาณ 2567 |
รหัสโครงการ | 67-50105-01-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจันนา |
วันที่อนุมัติ | 15 ธันวาคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 15 ธันวาคม 2566 - 31 สิงหาคม 2567 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 10,925.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายปิยเรศ คงพรม |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 450 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | ร้อยละของประชาชนที่มีความเสี่ยงเป็นโรความดันโลหิตสูง | 42.50 | ||
2 | ร้อยละของประชาชนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน | 40.79 | ||
3 | ร้อยละประชาชนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (CVA) | 1.20 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้สภาพปัญหาทางสุขภาพเปลี่ยนไปด้วย ปัจจุบันแนวโน้มปัญหาสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นจากสาเหตุโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคเหล่านี้เป็นปัญหาที่สำคัญระดับประเทศและระดับโลกซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นสถานการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ในปี 2552 ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีจำนวน 108 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 422 ล้านคน ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชากรทั่วโลกที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 เป็นร้อยละ 8.5 หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้ว พบว่า ปัจจุบันประชากรวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 11 คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนในประเทศไทย จากรายงานของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราตายด้วยโรคเบาหวานต่อประชากรแสนคน ในภาพรวมของประเทศในปี 2556 - 2558 เท่ากับ 14.93, 17.53 และ 17.83 ตามลำดับ เห็นได้ว่า อัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายในประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป ครั้งที่ 3, 4 และ 5 (ปี 2547, 2552 และ 2557) พบว่า ความชุกของโรคเบาหวาน ของครั้งที่ 3 ร้อยละ 7 ใกล้เคียงกับครั้งที่ 4 ร้อยละ 6.9 ส่วนครั้งที่ 5 เพิ่มสูงขึ้นเป็น ร้อยละ 8.8 (คิดเป็น 4.8 ล้านคน)นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี 2551 ยังพบว่าประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกในการรักษาพยาบาลโรคเบาหวานเฉลี่ย 1,172 บาทต่อราย ส่วนผู้ป่วยในค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ย 10,217 บาทต่อราย รวมค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้น 3,984 ล้านบาทต่อปี หากคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน รวม 3 ล้านคนต่อปี มารับบริการที่สถานพยาบาล จะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้นประมาณ 47,596 ล้านบาทต่อปี
จังหวัดพัทลุงมีอัตราตายของผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 3.95อำเภอควนขนุนมีอัตราตาย ร้อยละ 4.39 และ มีแนวโน้มผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงขึ้นทุกๆปี จากสถิติตั้งแต่ 2561 – 2566ความชุกของผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังนี้ 4.615, 5.158, 5.483, 5.481 ต่อแสนประชากร ตามลำดับจากสถิติการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานของประชากรกลุ่มอายุ 3๕ ปีขึ้นไป รพ.สต.บ้านจันนา ตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงปี ๒๕66คัดกรองโรคเบาหวานกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไปดำเนินการคัดกรอง จำนวน 429 คนพบว่า กลุ่มแฝง/เสี่ยง จำนวน 83คน ร้อยละ 38.95 และกลุ่มสงสัยเป็นโรค จำนวน 4คน ร้อยละ 1.84 คัดกรองโรคความดันโลหิต กลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 372 คน พบกลุ่มแฝง/เสี่ยงจำนวน 42 คน คิดเป็นร้อยละ 23.01 กลุ่มสงสัยเป็นโรค จำนวน 36 ราย คิดเป็นร้อยละ 19.45 การที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทำให้ประเทศชาติสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วยดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วย แนวทางการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนเมื่อเกิดเป็นโรคแล้วจึงเป็นทางเลือกที่ดี การป้องกันและควบคุมโรคซึ่งสามารถกระทำได้ทั้งการส่งเสริมสุขภาพด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับบุคคลครอบครัวและชุมชน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อคัดกรองโรคเบาหวานในประชาชนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ยังไม่เป็นโรคเบาหวานได้รับการคัดกรองร้อยละ 90 |
0.00 | 90.00 |
2 | เพื่อคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงในประชากรที่มีอายุ 35 ปี ขึ้นไปที่ยังไม่ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ยังไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้รับการคัดกรอง ร้อยละ 90 |
0.00 | 90.00 |
3 | เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตามหลัก 3 อ 2 ส ในกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มสงสัยเป็นโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงจากการคัดกรอง กลุ่มเสี่ยง/กลุ่มสงสัยป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เข้าร่วมรับการอบรมร้อยละ 90 |
0.00 | 5.00 |
4 | เพื่อให้กลุ่มเสี่ยง/สงสัยเป็นโรค(SBP=120-139 mmHg.หรือ DBP=80-89 mmHg.) ได้รับการติดตามวัดความดันโลหิตที่บ้านหลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กลุ่มเสี่ยงและสงสัยเป็นโรคความดันโลหิตสูงจากการคัดกรองได้รับการติดตามวัดความดันที่บ้าน ร้อยละ80 |
0.00 | 50.00 |
5 | 5 เพื่อให้กลุ่มสงสัยป่วยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และเข้าสู่ระบบการรักษา กลุ่มสงสัยป่วยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์และเข้าสู่ระบบการรักษา ร้อยละ 100 |
100.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 10,925.00 | 0 | 0.00 | |
15 - 31 ธ.ค. 66 | กิจกรรมคัดกรองโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงในชุมชน โดยการวัดความดัน และเจาะปลายนิ้วโดย อสม และเจ้าหน้าที่ | 0 | 8,250.00 | - | ||
1 ม.ค. 67 - 31 ส.ค. 67 | กิจกรรม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มสงสัยป่วยตามหลัก 3 อ 2 ส | 0 | 2,675.00 | - | ||
1 มี.ค. 67 - 31 ส.ค. 67 | ติดตามเจาะ FBS กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน | 0 | 0.00 | - | ||
1 พ.ค. 67 - 31 ส.ค. 67 | ติดตามวัดความดันโลหิตที่บ้าน กลุ่มแฝง/เสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง (SBP=120-139 mmHg. หรือ DBP = 80-89 mmHg.) หลังได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม | 0 | 0.00 | - |
ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบรพ.สต. บ้านจันนาหมู่ 7 และหมู่ 8ตำบลชะมวง 1. อัตราการป่วยโรคเบาหวาน รายใหม่ ไม่เกิน ร้อยละ 1.75 2. อัตราการป่วยโรคความดันโลหิตสูง รายใหม่ ไม่เกินร้อยละ 5 3 กลุ่มเสี่ยง/กลุ่มสงสัยป่วย โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่เป็นผู้ป่วยรายใหม่ ร้อยละ 5
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2566 08:47 น.