เกษตรกรปลอดโรคผู้บริโภคปลอดภัย
ชื่อโครงการ | เกษตรกรปลอดโรคผู้บริโภคปลอดภัย |
รหัสโครงการ | 67-L1496-02-01 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุข ตำบลนาพละ |
วันที่อนุมัติ | 7 ธันวาคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 15 ธันวาคม 2566 - 30 กันยายน 2567 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2567 |
งบประมาณ | 4,100.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | น.ส.สมญา แก้วละเอียด |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาพละ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.599,99.664place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 60 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ประชากรไทยมีอาชีพพื้นฐานอยู่ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบผู้มีรายได้น้อย แต่ทำงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากสภาพภูมิอากาศที่ร้อนจัด ท่าทางการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการปวดหลังและกล้ามเนื้ออักเสบ รวมทั้งการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมีพิษทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรังตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิตขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง โดยการสัมผัสทางผิวหนังที่ไม่สวมถุงมือและรองเท้าบู๊ท ป้องกันขณะทำงานกับสารเคมี การสูดหายใจละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ และการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีสารเคมีปนเปื้อน พฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากสารเคมีเพิ่มขึ้นยกตัวอย่างเช่น ใช้ถังภาชนะบรรจุสารเคมีที่รั่วซึม ฉีดพ่นสวนทิศทางลมทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มสารเคมีโดยไม่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ซึมเปื้อนทันที เป็นต้น สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถทำอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ทั้งมนุษย์ และสัตว์ กล่าวคือ จะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอด สมอง ผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการที่อวัยวะภายในร่างกายได้สะสมสารเคมีไว้จนถึงขีดที่ร่างกายไม่อาจทนได้จึงแสดงอาการต่างๆขึ้นมา เช่น โรคมะเร็ง โรคต่อมไร้ท่อ โรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ตำบลนาพละเป็นตำบลหนึ่งที่ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรมากถึงร้อยละ ๙๐ ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำนา ทำไร่ ปลุกผัก ทำสวนผลไม้และสวนยางพารา ผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการควบคุมและกำจัดศัตรูพืช จึงกระจายและขยายเป็นวงกว้าง และยังอยู่ในระดับที่รุนแรงและสูงขึ้น ทางชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลนาพละ ได้เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพเกษตรกรในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้จัดทำโครงการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดเกษตรกรขึ้น เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่รับผิดชอบได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือดเพื่อดูว่ามีปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดอยู่ในระดับใดเพื่อทำการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้เกษตรกรผู้ใช้สารเคมีในการเกษตรได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีโดยเจ้าหน้าที่ ร้อยละ 20 ของกลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด |
||
2 | เกษตรกรที่ตรวจพบสารเคมีตกค้างในเลือดในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร้อยละ 80 ของผู้ตรวจพบสารเคมีในเลือดในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
||
3 | เรื่องการใช้สารเคมีในการเกษตรอย่างถูกต้องและปลอดภัย ร้อยละ 100 ของผู้ตรวจพบสารเคมีในเลือดในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยที่ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดซ้ำภายใน 1 เดือน |
||
4 | เกษตรกรที่เข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดซ้ำภายใน 1 เดือน
|
||
5 | เกษตรกรได้รับยารางจืดขจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย
|
๑. ดำเนินการเจาะเลือดตรวจหาสารเคมีในเลือดเกษตรกร ตามวันและเวลาที่นัดหมายพร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโรค การรักษา ผลกระทบ รวมถึงการป้องกันที่ถูกต้อง ๒. แจ้งผลการตรวจพร้อมคำแนะนำที่ถูกต้องของการดูแลสุขภาพ ๓. จัดอบรมให้ความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแก่เกษตรกรที่ตรวจพบสารเคมีในเลือดที่มีผลระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ๔. เกษตรกรที่ได้รับความรู้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดซ้ำภายใน 1 เดือน ๕. สรุปผลการดำเนินงาน
๑. กลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด 2. ร้อยละ 80 ของผู้ตรวจพบสารเคมีในเลือดในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3. ร้อยละ 100 ของผู้ตรวจพบสารเคมีในเลือดในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยที่ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดซ้ำภายใน 1 เดือน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 15:08 น.