กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

กิตติกรรมประกาศ

"โครงการปฏิบัติตัวอย่างไร ห่างไกลโรคอุจจาระร่วง จังหวัดตรัง" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง

คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.บ่อหิน ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป

คณะทำงานโครงการ
โครงการปฏิบัติตัวอย่างไร ห่างไกลโรคอุจจาระร่วง

บทคัดย่อ

โครงการ " โครงการปฏิบัติตัวอย่างไร ห่างไกลโรคอุจจาระร่วง " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง รหัสโครงการ 67-L8429-01-15 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 เมษายน 2567 - 30 มิถุนายน 2567 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 6,000.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล อบต.บ่อหิน เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้

โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ

หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"

สารบัญ

ความเป็นมา/หลักการเหตุผล

อุจจาระร่วงเป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัสโปรโตซัว ปรสิตและหนอนพยาธิในลำไส้ อาการของโรคอุจจาระร่วง คือถ่ายเหลว ตั้งแต่ 3 ครั้งติดต่อกันใน 1 วัน หรือถ่ายเป็นมูกเลือด 1 ครั้งขึ้นไปอาจมีอาเจียนร่วมด้วยทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ มีไข้ ซึ่งหากไม่ได้รับสารน้ำทดแทนเพียงพอ อาจมีผลให้ช็อคโดยฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือดื่มน้ำไม่สะอาด ใช้ภาชนะที่ปนเปื้อนเชื้อโรค และพฤติกรรมสำคัญ ที่ส่งผล ต่อการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย คือไม่ล้างมือหลังขับถ่าย ก่อนปรุงหรือหยิบจับอาหาร และก่อนรับประทานอาหาร จากข้อมูลสถานะสุขภาพอำเภอสิเกา พบผู้ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงในปี 2564, 2565 และ 2566 จำนวน 219, 318 และ 196 ราย ตามลำดับ อัตราป่วยเท่ากับ 573.58 ,827.22 และ439.62 ต่อประชากรแสนคน โดยเฉพาะตำบลบ่อหินมีอัตราป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงสูงอย่างต่อเนื่อง จากการศึกษาข้อมูลการรับบริการในโรงพยาบาลสิเกาด้วยโรคอุจจาระร่วงของประชาชนเขตองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อหิน ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 – เดือนมีนาคม พ.ศ.2567 พบว่าหมู่ที่ 1 มีอัตราป่วยสูงสุด คืออัตราป่วย 30.31 ต่อประชากรพันคน รองลงมาคือ หมู่ที่ 8, หมู่ที่ 2, หมู่ที่ 3, หมู่ที่ 9 และหมู่ที่ 6 อัตราป่วย 20.17, 17.13, 6.42, 2.18 และ 0.12 ต่อประชากรพันคนตามลำดับ กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 6 – 24 ปี และจากการสุ่มสัมภาษณ์ ผู้ป่วยที่เคยเข้ารับบริการในโรงพยาบาลสิเกาหรือผู้ดูแลผู้ป่วยพบว่ามีปัจจัยซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง คือพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด พฤติกรรมการไม่ล้างมือ หรือล้างมือที่ไม่ถูกวิธี ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ตลอดทั้งเรื่องสุขลักษณะทั่วไปของบ้านเรือน โรคอุจจาระร่วง สามารถป้องกันได้ โดยการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยงจากสาเหตุหรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค และจัดการสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค กลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม ได้เล็งเห็นความสำคัญของการเกิดโรค จึงจัดทำโครงการปฏิบัติตัวอย่างไร ห่างไกลโรคอุจจาระร่วงขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ เกี่ยวกับการป้องกันโรคการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ มีการขยายผลด้านความรู้และทักษะการป้องกันโรคไปยังครอบครัว ชุมชน และเกิดการปฏิบัติต่อเนื่อง ยั่งยืน

สถานการณ์

วัตถุประสงค์โครงการ

1. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้เรื่องโรคอุจจาระร่วง และวิธีป้องกันโรค
2. เพื่อให้ประชาชนในชุมชนมีพฤติกรรมการป้องกันโรคอุจจาระร่วง และการล้างมือที่ถูกต้อง

กิจกรรม/การดำเนินงาน

1. กิจกรรมปฏิบัติตัวอย่างไร ห่างไกลโรคอุจจาระร่วง
2. กิจกรรมกลุ่มแบบมีส่วนร่วมเกี่ยวกับความรู้ ความเข้าใจ เรื่องโรคอุจจาระร่วง

กลุ่มเป้าหมาย

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1.เพื่อลดอัตราป่วยอุจจาระร่วงลดลง ไม่เกินร้อยละ 20 ต่อแสนประชากร

ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน

* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น