โครงการสร้างเสริมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ปี 2568
ชื่อโครงการ | โครงการสร้างเสริมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ปี 2568 |
รหัสโครงการ | 68-L5162-1-01 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกระแสสินธุ์ |
วันที่อนุมัติ | 10 กุมภาพันธ์ 2568 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2568 - 30 กันยายน 2568 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2568 |
งบประมาณ | 25,900.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางฐิตาภา โนภาส |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลกระแสสินธุ์ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 ม.ค. 2568 | 30 ก.ย. 2568 | 25,900.00 | |||
รวมงบประมาณ | 25,900.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | ร้อยละของประชาชนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน | 100.00 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง นับเป็น ปัญหาการเจ็บป่วยที่สำคัญ และนำมาซึ่งความสูญเสียทรัพยากรในการดูแลรักษา มีผลกระทบต่อผู้ป่วยเอง ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในครอบครัว มีอาการป่วยเรื้อรัง เป็นเวลานาน ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และยังเชื่อมโยงไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆ อีกมากมาย เช่นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรค คือ กรรมพันธุ์ และ สิ่งแวดล้อม ในส่วนของกรรมพันธุ์นั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น ขณะที่สิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เริ่มตั้งแต่ในครรภ์แม่ แม้กรรมพันธุ์จะเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็สามารถควบคุมปัจจัยเรื่องอาหาร และสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้ จากผลของการวิจัยหลายชิ้น ชี้ให้เห็นว่า การควบคุมอาหารอย่างดี รวมไปถึงการออกกำลังกายเป็นประจำนั้นส่งผลโดยตรงต่อการป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูงทางกรรมพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นการควบคุมโรคเบาหวาน และ ป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆได้ จากข้อมูลอัตราการป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมดจำนวน 235 คน ได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด HbA1C ทั้งหมด 193 คน คิดเป็นร้อยละ 83 และพบว่ามีผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 71 คน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ HbA1C มากกว่าหรือเท่ากับ 7 จำนวน 71 คน คิดเป็นร้อยละ 37ของผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทั้งหมดและพบว่าผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงทั้งหมด จำนวน 339 คนไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้จำนวน 198 คน คิดเป็นร้อยละ 58.4 ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงทั้งหมด ผู้ป่วยเหล่านี้ หากไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ในอนาคต การรักษาโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง โดยการให้ความสำคัญเฉพาะด้านการแพทย์ อาจจะไม่เพียงพอ เพื่อเป็นการควบคุมภาวะโรค และ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยต้องได้รับความรู้เรื่องพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมถูกต้อง พร้อมทั้งได้รับการกระตุ้นการเปลี่ยนพฤติกรรม ผ่านกิจกรรมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยปราศจากโรคแทรกซ้อนได้ ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกระแสสินธุ์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแลตนเอง เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง โดยได้จัดทำโครงการสร้างเสริมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยมุ่งเน้นในเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ เสริมพลังการดูแลตนเองของผู้ป่วยโดยมีเป้าหมายให้ผู้ป่วย สามารถควบคุมโรคได้ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ข้อที่ 1.กลุ่มเป้าหมาย มีความรู้ และ มีพฤติกรรม ที่ถูกต้องในการดูแลตนเอง และผู้ป่วยเบาหวาน สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระกดับความดันโลหิตได้และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างยั่งยืน 1.ผู้ป่วยเบาหวาน กลุ่มเป้าหมาย มีระดับ HbA1C น้อยกว่า 7 ร้อยละ 80
2.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงกลุ่มเป้าหมาย ร้อยละ 70 สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ |
100.00 | 170.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
คงเหลือ (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 25,900.00 | 0 | 0.00 | 25,900.00 | |
1 ม.ค. 68 - 30 ก.ย. 68 | กลุ่มที่ 1 - อบรมให้ความรู้แก่กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน(ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ค่าHbA1c≥8 ) ให้มีความรู้ มีพฤติกรรมการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในเรื่อง 3อ2ส ลดเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนทางตา ใต หัวใจ เท้า และ หลอดเลือดสมอง และการใช้ยาในผู้ป่วยอย่างถูกต้อง | 0 | 6,400.00 | - | - | ||
1 ม.ค. 68 - 30 ก.ย. 68 | กลุ่มที่ 2 รุ่นที่ 1 (60คน) อบรมให้ความรู้แก่กลุ่มผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ ( BP≥ 140/90 mmHg. อย่างน้อย 2 ครั้ง ในรอบ 6 เดือน ที่ผ่านมา) | 0 | 7,200.00 | - | - | ||
1 ม.ค. 68 - 30 ก.ย. 68 | กลุ่มที่ 2 รุ่นที่ 2 (60คน) อบรมให้ความรู้แก่กลุ่มผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้ ( BP≥ 140/90 mmHg. อย่างน้อย 2 ครั้ง ในรอบ 6 เดือน ที่ผ่านมา) | 0 | 7,200.00 | - | - | ||
1 ม.ค. 68 - 30 ก.ย. 68 | คัดกรองความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง | 0 | 5,100.00 | - | - | ||
รวมทั้งสิ้น | 0 | 25,900.00 | 0 | 0.00 | 25,900.00 |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. ระดับความรู้ และ พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ของกลุ่มเป้าหมาย มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 80 ประเมินจาก แบบสอบถามก่อน - หลัง 2. ผู้ป่วยเบาหวานกลุ่มเป้าหมาย ร้อยละ 80 สามารถควบคุมระดับ HbA1C ได้น้อยกว่า 7 3. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มเป้าหมาย ร้อยละ 70 สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2568 00:00 น.