โครงการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดเกษตรกร ประจำปี 2568
ชื่อโครงการ | โครงการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดเกษตรกร ประจำปี 2568 |
รหัสโครงการ | L3313 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแหลมจองถนน |
วันที่อนุมัติ | 28 กุมภาพันธ์ 2568 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 พฤษภาคม 2568 - 31 พฤษภาคม 2568 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 10,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางพรรณี ช่วยพิชัย |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.489,100.194place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
หลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ) ประชากรไทยมีอาชีพพื้นฐานอยู่ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบผู้มีรายได้น้อย แต่ทำงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากสภาพภูมิอากาศที่ร้อนจัด ท่าทางการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการปวดหลังและกล้ามเนื้ออักเสบ รวมทั้งการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมีพิษทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรังตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิตขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง โดยการสัมผัสทางผิวหนังที่ไม่สวมถุงมือและรองเท้าบู๊ท ป้องกันขณะทำงานกับสารเคมี การสูดหายใจละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ และการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีสารเคมีปนเปื้อน พฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากสารเคมีเพิ่มขึ้นยกตัวอย่างเช่น ใช้ถังภาชนะบรรจุสารเคมีที่รั่วซึม ฉีดพ่นสวนทิศทางลมทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มสารเคมีโดยไม่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ซึมเปื้อนทันที เป็นต้น สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถทำอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ทั้งมนุษย์ และสัตว์ กล่าวคือ จะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอด สมอง ผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการที่อวัยวะภายในร่างกายได้สะสมสารเคมีไว้จนถึงขีดที่ร่างกายไม่อาจทนได้จึงแสดงอาการต่างๆ ขึ้นมา เช่น โรคมะเร็ง โรคต่อมไร้ท่อ โรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแหลมจองถนน ได้เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร จึงได้จัดทำโครงการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดเกษตรกร ประจำปี 2568 ขึ้น เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่รับผิดชอบได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือดเพื่อดูว่ามีปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดอยู่ในระดับใดเพื่อทำการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ๑.เพื่อให้เกษตรกรผู้ใช้สารเคมีในการเกษตรได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี ๒.เพื่อให้เกษตรกร มีความรู้ ทักษะ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้สารเคมีในการเกษตรอย่างปลอดภัย 3.เกษตรกรที่เข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดซ้ำภายใน 3 เดือน เกษตรกรได้รับการตรวจคัดกรองหาสารเคมีตกค้างในเลือด ร้อยละ 90 เกษตรกร มีความรู้ ทักษะ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้สารเคมีในการเกษตรอย่างปลอดภัย ร้อยละ 80 เกษตรกรที่เข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดซ้ำภายใน 3 เดือน ร้อยละ 90 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
วัตถุประสงค์ข้อที่ 1 : ๑.เพื่อให้เกษตรกรผู้ใช้สารเคมีในการเกษตรได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี ๒.เพื่อให้เกษตรกร มีความรู้ ทักษะ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้สารเคมีในการเกษตรอย่างปลอดภัย 3.เกษตรกรที่เข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดซ้ำภายใน 3 เดือน |
||||||
รวม | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 |
หมายเหตุ : งบประมาณ และ ค่าใช้จ่าย รวมทุกวัตถุประสงค์อาจจะไม่เท่ากับงบประมาณรวมได้
-ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 100 คนๆ ละ ๒๕ บาท จำนวน 1 มื้อ เป็นเงิน 2,500 บาท -ค่าป้ายไวนิลโครงการ ขนาด 1.20 x 2.40 เมตร จำนวน ๑ ป้าย เป็นเงิน 500 บาท -ค่าชุดทดสอบโคลีนเอสเตอร์เรส จำนวน 2 ชุดๆ ละ ๑,50๐ บาท เป็นเงิน 3,000 บาท -ค่ายาแคปซูลรางจืด 10 กระปุกๆ ละ 400 บาท เป็นเงิน 4,000 บาท รวมทั้งสิ้น 10,000 บาท ทุกรายการสามารถถัวเฉลี่ยกันได้
๑. เกษตรกรที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีความรู้ ทักษะ การใช้สารเคมีกำจัด ศัตรูพืชอย่างปลอดภัย
๒. ทำให้ทราบถึงสถานการณ์สารเคมีตกค้างในเลือดของกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการแก้ไขปัญหาต่อไป
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2568 10:42 น.