โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยโรคเบาหวานนิบงบารู เพื่อป้องกันและชะลอภาวะไตเสื่อม ประจำปี 2569
| ชื่อโครงการ | โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยโรคเบาหวานนิบงบารู เพื่อป้องกันและชะลอภาวะไตเสื่อม ประจำปี 2569 |
| รหัสโครงการ | |
| ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
| หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
| ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนิบงบารู ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา |
| วันที่อนุมัติ | 19 พฤศจิกายน 2568 |
| ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 ธันวาคม 2568 - 31 พฤษภาคม 2569 |
| กำหนดวันส่งรายงาน | |
| งบประมาณ | 24,010.00 บาท |
| ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
| พี่เลี้ยงโครงการ | |
| พื้นที่ดำเนินการ | |
| ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
| กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
|---|---|---|
| กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
| กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
| กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 98 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
||
| สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
|---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานเป็นโรคซึ่งทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากตัวเลขของผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงทั้งสิ้น 189 ล้านคน และคาดว่าในอีก 20 ปี ข้างหน้าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 324 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการควบคุมระดับความดันโลหิตสูงและน้ำตาลได้ไม่ดี และส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง และโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถป้องกันและควบคุมได้ อีกทั้งยังพบว่า อายุเฉลี่ยของการเริ่มต้นป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นน้อยลงเรื่อย ๆ ด้วยวิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และความเครียดจากการทำงาน โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน นอกจากจะเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายแล้ว ยังเชื่อมโยงไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคคือ “พันธุกรรม” และ “สิ่งแวดล้อม” ในส่วนของพันธุกรรมนั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น ขณะที่สิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เริ่มต้นตั้งแต่ในครรภ์แม่ แม้พันธุกรรมจะเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็สามารถควบคุมปัจจัยเรื่องอาหารและสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันการเกิดโรคดังกล่าวได้
มีผลการวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า การควบคุมอาหารอย่างดี รวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ ส่งผลโดยตรงต่อการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูงทางพันธุกรรม อีกทั้งยังเป็นการควบคุมโรค และป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเพราะการควบคุมอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ให้สูงและน้ำตาลในเลือดสูงได้ ในปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในเขตพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนิบงบารู หมู่ที่ 3 จำนวน 362 คน หมู่ที่ 7 จำนวน 215 คนและหมู่ที่ 13 จำนวน 104 คน รวมทั้งสิ้น 681 คน สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดี จำนวน 393 คน คิดเป็นร้อยละ 57.71 ซึ่งถือว่ายังควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดี แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดและกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานในเขตพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนิบงบารู หมู่ที่ 3 จำนวน 183 คน หมู่ที่ 7 จำนวน 108 คนและหมู่ที่ 13 จำนวน 60 คน รวมทั้งสิ้น 351 คน สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี จำนวน 85 คน ร้อยละ 24.22 เห็นได้ชัดเจนว่ากลุ่มผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีน้อยกว่าเกณฑ์ ดังนั้นทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนิบงบารู ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการควบคุมระดับความดันโลหิตสูงและน้ำตาลให้ครอบคลุมกลุ่มป่วยทุกคน ดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยโรคเบาหวานนิบงบารู เพื่อป้องกันและชะลอภาวะไตเสื่อม ประจำปี 2569 ขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแลตนเองให้ถูกต้องเหมาะสม และสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตและน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย และไม่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วย
| วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
|---|---|---|---|
| 1 | 1.เพื่อให้กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความรู้ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง 1.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมโรคได้ดี ร้อยละ 70 |
0.00 | |
| 2 | 2.เพื่อให้กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตได้ดี 2.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูและผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถป้องกันและชะลอภาวะไตเสื่อม ร้อยละ 70 |
0.00 | |
| 3 | 3.เพื่อป้องกันภาวะไตเสื่อม
|
0.00 |
| hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
คงเหลือ (บาท) |
||
| วันที่ | กิจกรรม | 0 | 24,010.00 | 0 | 0.00 | 24,010.00 | |
| 1 พ.ย. 68 - 31 พ.ค. 69 | อบรมเชิงปฏิบัติการแก่กลุ่มเป้าหมาย | 0 | 14,210.00 | - | - | ||
| 1 พ.ย. 68 - 31 พ.ค. 69 | ออกกำลังกายง่ายๆด้วยผ้าขาวม้า | 0 | 9,800.00 | - | - | ||
| 1 พ.ย. 68 - 31 พ.ค. 69 | เจาะเลือดติดตามภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน | 0 | 0.00 | - | - | ||
| รวมทั้งสิ้น | 0 | 24,010.00 | 0 | 0.00 | 24,010.00 | ||
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน มีความรู้ ความเข้าใจ ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลได้ดี มากกว่าร้อยละ 70
- อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยลดลง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2568 10:50 น.