กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

stars
1. รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ปี 2561
รหัสโครงการ 61-L3061-1-07
ประเภทการสนับสนุน ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต.
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ รพ.สต.เกาะเปาะ
วันที่อนุมัติ 6 มีนาคม 2561
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 13 กรกฎาคม 2561 - 15 กันยายน 2561
กำหนดวันส่งรายงาน 12 ตุลาคม 2561
งบประมาณ 22,600.00 บาท
ผู้รับผิดชอบโครงการ นายสมัคร แวเด็ง
พี่เลี้ยงโครงการ นายมูหะหมัดวันสุไลมาน
พื้นที่ดำเนินการ ตำบลเกาะเปาะ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
ละติจูด-ลองจิจูด 6.815,101.201place
stars
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
แผนงานยาสูบ , แผนงานโรคเรื้อรัง
stars
3. งวดสำหรับการทำรายงาน
งวดวันที่งวดโครงการวันที่งวดรายงานงบประมาณ
(บาท)
จากวันที่ถึงวันที่จากวันที่ถึงวันที่
1 13 ก.ค. 2561 15 ก.ย. 2561 22,600.00
รวมงบประมาณ 22,600.00
stars
4. กลุ่มเป้าหมาย

(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 114 keyboard_arrow_down

กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง :

stars
5. หลักการและเหตุผล/สถานการณ์
สถานการณ์ปัญหาขนาด

ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล

จากสภาพสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนตามสภาพจากเดิม ทำให้พฤติกรรมของแต่ละคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่นพฤติกรรมการบริโภคอาหาร พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองอันนำไปสู่ ระบบการทำงานต่างๆของร่างกายเริ่มจะเสื่อมโทรมลง และมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายมากขึ้นโดยเฉพาะ อย่างยิ่งโรคเรื้อรัง Metabolic ได้แก่โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดผิดปกติ โรคหลอดเลือดหัวใจ ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะทนทุกข์ทรมาน และทำให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน และชีวิต ข้อมูลทางระบาดวิทยาพบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมากมายคือ เพิ่มขึ้นจาก135ล้านคนในปีค.ศ. 1995เป็น 151ล้านคนในปีค.ศ. 2000 และคาดว่าจะเป็น221ล้านคนในปีค.ศ. 2010 และ300 ล้านคนในปีค.ศ. 2025 ตามลำดับ (King และคณะ) ความชุกของโรคเบาหวานในประชากรทุกอายุทั่วโลก พบว่าความชุก ในปี ค.ศ. 2000 เท่ากับ 2.8% และจะเป็น 4.4% ในปี ค.ศ. 2030 (Wild และคณะ) ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยค.ศ. 1996-1997 พบว่าอัตราความชุก เท่ากับ 4.4% การวิจัยซึ่งเก็บข้อมูลจากทุกภาคของประเทศ เมื่อปี ค.ศ. 2000 พบว่าอัตราความชุก ของโรคเบาหวานในประชากรทีมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป เท่ากับ 9.6% หรือคิดเป็นจำนวน 2.4 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานเพียงครึ่งเดียว (4.8%) อีกครึ่งหนึ่งที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน มาก่อน อัตราความชุกของโรคเบาหวานในเมืองสูงกว่าชนบท(National Health Interview and Examination Survey)สถานการณ์ความชุกของโรคเบาหวานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะเปาะปี 2015 เท่ากับ 5.45% ในปี 2016 เท่ากับ 7.8 % ในปี2017เท่ากับ7.9%ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีผู้ป่วยเบาหวานในความรับผิดชอบ จำนวน 51 คน ซึ่งเพิ่มจากปี 2017 คิดเป็น 0.82 % และสถานการณ์ค6เท่ากับ 7.2 %ในปี2017เท่ากับ7.5% ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในความรับผิดชอบ จำนวน 152 คน ซึ่งเพิ่มจากปี 2017 คิดเป็น 6.5 % การดูแลโรคไม่ติดต่อเรื้อรังนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะโดยแพทย์เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองของผู้ป่วย และการตรวจป้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกจากยังควรมีการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านเพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาของการดูแลตนเอง และร่วมหารือ และแนะนำการแก้ไขปัญหาสุขภาพกับผู้ป่วยแต่ละราย ปัจจุบันผู้ป่วยที่มารับบริการดูแลรักษาโรคเรื้อรังดังกล่าวมีเป็นจำนวนมาก และมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้รับบริการดูแลภาวะแทรกซ้อนได้อย่างครบถ้วน และการรักษาส่วนใหญ่ยังเน้นโรงพยาบาลเป็นศูนย์กลาง(Hospital-based) ถึงแม้หลาย ๆ โรงพยาบาลจะได้รับการรับรองเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ(HPH) ก็ตาม ทำให้ไม่เกิดความยั่งยืนในระบบการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยและครอบครัวมีศักยภาพในการดูแลตนเองน้อย ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งแพทย์ และทีมงานเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงการที่สามารถให้ประชาชน กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย ได้ตระหนักในการดูแลตนเอง มีความรู้ สร้างทัศนคติ จะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และปฏิบัติตัวให้ห่างจากการเกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วย เพื่อลดงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในประชาชนที่เป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่มีความสำคัญเพื่อลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะเปาะได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนกลุ่มป่วยมีสุขภาพที่ดีมีความรู้ในการดูแลตนเอง ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนและการสูญเสียของประชากรกลุ่มป่วยต่อไป

stars
6. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดปัญหาเป้าหมาย 1 ปี
1 1. เพื่อให้กลุ่มป่วยด้วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้วย 3 อ. 2 ส

ร้อยละ 50 ของกลุ่มป่วยได้รับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

50.00
2 2. เพื่อให้ประชากรกลุ่มป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและระดับความดันโลหิตได้

กลุ่มป่วยได้รับการติดตามระดัน้ำตาลในเลือด/ระดับความดันโลหิต หลังจากการพัฒนาพฤติกรรม เดือนที่ 1 / เดือนที่ 4

50.00
3 3. เพื่อป้องกันการเดิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในกลุ่มป่วยที่ไม่สามารถควบคุมโรคได้

กลุ่มป่วยได้พบแพทย์เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน ร้อยละ100

100.00
stars
7. การดำเนินงาน/กิจกรรม
วันที่ชื่อกิจกรรมกลุ่มเป้าหมาย
(คน)
งบกิจกรรม
(บาท)
ทำแล้ว
 
ใช้จ่ายแล้ว
(บาท)
14 ก.ค. 61 กลวิธีที่ 1 ประชุมชี้แจงแก่อาสาสมัครสาธารณสุข 38 5,600.00 5,600.00
28 ก.ค. 61 กลวิธีที่ 2 พัฒนาพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มป่วย 114 13,200.00 13,200.00
25 ส.ค. 61 กลวิธีที่ 3 ติดตามกลุ่มเสี่ยงหลังได้รับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ / ครั้งที่ 1 38 1,900.00 1,900.00
15 ก.ย. 61 กลวิธีที่ 3 ติกลวิธีที่ 3 ติดตามกลุ่มเสี่ยงหลังได้รับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ / ครั้งที่ 2 38 1,900.00 1,900.00
รวม 228 22,600.00 4 22,600.00

กลวิธีที่ ๑ ประชุมชี้แจงแก่อาสาสมัครสาธารณสุข
กิจกรรมที่ ๑.๑ ประชุมชี้แจง การดูแล/ติดตามกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยแก่อาสาสมัครสาธารณสุข ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังวันที่ 14 กรกฎาคม 2561 1. ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขที่เข้าร่วมประชุมจำนวน ๓๘ คน x 25 บาท x 2 มื้อ เป็นเงิน 1,900 บาท 2. ค่าอาหารกลางวันพร้อมเครื่องดื่มสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขที่เข้าร่วมประชุมจำนวน ๓๘ คน x 50 บาท x 1 มื้อ เป็นเงิน 1,900 บาท 3. ค่าสมนาคุณวิทยากร ๖ ชั่วโมงๆละ300บาท เป็นเงิน๑,๘๐๐ บาท
รวมเป็นเงิน 5,600 บาท

กลวิธีที่ ๒. พัฒนาพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มป่วย วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 กิจกรรมที่ ๒.๒ ดำเนินกิจกรรมในการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพให้แก่ผู็ป่วย 1. ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่เข้ารับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ จำนวน 114 คน x 25 บาท x 2 มื้อ เป็นเงิน5,700 บาท 2. ค่าอาหารกลางวันพร้อมเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่เข้ารับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพจำนวน 114 คน x 50 บาท x 1 มื้อ เป็นเงิน5,700 บาท 3. ค่าสัมมนาคุณวิทยากร ๖ ชั่วโมงๆละ300บาท เป็นเงิน ๑,๘๐๐ บาท รวมเป็นเงิน 13,200 บาท

กลวิธีที่ 3ติดตามกลุ่มเสี่ยงหลังได้รับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กิจกรรมที่ ๓.๑ติดตามกลุ่มเสี่ยงหลังได้รับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เดือนที่1ครั้งที่ 1 วันที่ 25 สิงหาคม 2561 1. ค่าอาหารกลางวันสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขจำนวน ๓๘ คนๆละ ๕๐ บาท x 1 มื้อ เป็นเงิน 1,900 บาท กิจกรรมที่ 3.2ติดตามกลุ่มเสี่ยงหลังได้รับการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพเดือนที่ 2ครั้งที่ 2วันที่ 15 กันยายน 2561 1.ค่าอาหารกลางวันสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขจำนวน ๓๘ คน ๆละ ๕๐ บาท x 1 มื้อ เป็นเงิน 1,900 บาท รวมเป็นเงิน 3,800 บาท

stars
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
  1. กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ละทักษะในการสร้างเสริมสุขภาพ อย่างเหมาะสม สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องในเรื่อง อาหารอารมณ์ออกกำลังกาย
  2. กลุ่มเป้าหมายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตได้ร้อยละ 80
  3. กลุ่มเป้าหมายไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
stars
9. เอกสารประกอบโครงการ

โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2561 13:28 น.