โครงการอบรมพัฒนาระบบติดตามการฉีดวัคซีนเชิงรุกในเด็กอายุ 0-5 ปี
ชื่อโครงการ | โครงการอบรมพัฒนาระบบติดตามการฉีดวัคซีนเชิงรุกในเด็กอายุ 0-5 ปี |
รหัสโครงการ | 62-L4156-1-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกะรอ |
วันที่อนุมัติ | 1 สิงหาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 27 สิงหาคม 2562 - 27 สิงหาคม 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 32,850.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายรีฎวน มะเซ็ง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเกะรอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.535,101.576place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 27 ส.ค. 2562 | 27 ส.ค. 2562 | 32,850.00 | |||
รวมงบประมาณ | 32,850.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | 200 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | 1.ผู้รับบริการมาฉีดวัคซีนตามนัด ร้อยละ 90 | 90.00 | ||
2 | 2. ผู้รับบริการมีสุขภาพดี ไม่เกิดโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ร้อยละ 90 | 90.00 | ||
3 | 3.ผู้ปกครองมีทัศนคติที่ดี และทราบผลเสียของการได้รับวัคซีนล่าช้า ร้อยละ 90 | 90.00 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
เนื่องด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคที่ผ่านมาในพื้นที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัด ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยหลายราย โดยเฉพาะโรคหัด ที่ผ่านมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ส่งเจ้าหน้าที่รพ.สต. อสม. เคาะประตูบ้านค้นหาเด็กมีอาการสงสัยโรคหัด ฉีดวัคซีนผู้สัมผัสอายุต่ำกว่า 5 ปีทุกคน ติดตามฉีดวัคซีนเด็กกลุ่มเป้าหมายให้ครบตามเกณฑ์ ขอความร่วมมือผู้ปกครองนำเด็กที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโรคหัดมารับการฉีดวัคซีน ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านฟรี ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยและกำชับให้เร่งดำเนินการควบคุมสถานการณ์โรคหัด ซึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 11 ตุลาคม 2561 ใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง พบผู้ป่วยรวม 429 ราย สูงสุดคือจังหวัดยะลา 282 ราย เสียชีวิต 5 ราย รองลงมาจังหวัดปัตตานี 61 ราย และนราธิวาส 52 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในจังหวัดอื่นๆ โดยผู้เสียชีวิตเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่มีภูมิคุ้มกันและยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลาเปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน (EOC) เพื่อควบคุมการระบาดของโรคอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ ได้ให้ทั้ง 7 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 12 เฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น โดยให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และอสม. เคาะประตูบ้านค้นหาเด็กมีอาการสงสัยโรคหัด ฉีดวัคซีนผู้สัมผัสอายุต่ำกว่า 5 ปีทุกคน ติดตามฉีดวัคซีนเด็กกลุ่มเป้าหมายให้ครบตามเกณฑ์ โดยเข็มแรกเมื่ออายุ 9 – 12 เดือน และเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 2 ปีครึ่ง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับวัคซีน ให้ความร่วมมือนำเด็กที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโรคหัดมารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านฟรี นโยบายของงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเพื่อให้งานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดำเนินไปโดยมีประสิทธิภาพ และบรรลุวัตถุประสงค์สูงที่สุด โดยมีแนวทางในการปฏิบัติงานของบุคลากร และแนวทางการรับบริการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กไทยอายุ 0-5 ปี ทุกคน ที่ต้องได้รับให้ครบทุกชนิดตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนแก่เด็กนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญในการเสริมสร้างให้เด็กมีร่างกายที่แข็งแรง ปลอดจากโรค ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาด้านความคิดและการเรียนรู้ของเด็ก ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต ฉะนั้นการเร่งรัดติดตามให้ประชากรกลุ่มเป้าหมายทุกคนได้รับการฉีดให้ครอบคลุมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการ โดยสิ่งสำคัญคือการจัดบริการด้วยความสะดวก ปลอดภัย และต้องให้ครอบคลุมประชากรเป้าหมายในระดับสูงที่สุด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในป้องกันการเกิดอัตราป่วย อัตราตาย และการระบาดในพื้นที่ด้วยโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน อาทิเช่น โรคบาดทะยัก โรคคอตีบ โรคไอกรน เป็นต้น
จากการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกะรอ ในปี 2561 รพ.สต.เกะรอ มีการจัดบริการคลินิกเด็กดี 4 ครั้งต่อเดือน โดยกำหนดเป็นช่วงเช้าบริการฉีดวัคซีนที่มาตามนัดและช่วงบ่ายเชิงรุกในพื้นที่ จากการสำรวจเด็กอายุ 0-5 ปี มีจำนวนทั้งหมด 398 คน มารับวัคซีนตามนัด จำนวน 200 คน คิดเป็นร้อยละ50.25 ซึ่งยังไม่ผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดที่กำหนด พบว่าผู้ปกครองพาเด็กมารับบริการฉีดวัคซีนล่าช้า ทำให้รับวัคซีนไม่ตรงตามเกณฑ์อายุ และไม่ครบตามเกณฑ์ จึงมีการติดตามทั้งเครือข่าย อสม. และเจ้าหน้าที่ประจำ รพ.สต.อย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการมีความครอบคลุมมากที่สุดครบถ้วน ร้อยละ 100 ทั้งนี้ต้องมีการประชาสัมพันธ์ถึงผลกระทบ ความรุนแรงของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนเพิ่มเติม และอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกะรอ จึงได้จัดโครงการติดตามการได้รับวัคซีน เด็ก 0-5 ปีอย่างต่อเนื่องปี 2562
งานสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน เป็นงานที่มีความสำคัญในการที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคและส่งเสริมสุขภาพพื้นฐานให้แก่ประชาชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกะรอ ได้ให้บริการตามมาตรฐานงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค จากการศึกษาปัญหาพบว่า กลุ่มที่ยังขาดคือกลุ่มเด็ก 0-5 ปี ที่ย้ายตามผู้ปกครองไปต่างจังหวัดและรายอยู่ในความดูแลของญาติ เริ่มแก้ปัญหาด้วยการใช้การติดตามทางโทรศัพท์ แต่พบปัญหาการติดต่อไม่ได้บ้างและเจ้าหน้าที่ให้ อสม.ติดตามก็มีปัญหาอสม.บางท่านไม่มีเวลาติดตามผู้รับบริการวัคซีน จึงได้จัดทำโครงการโครงการพัฒนาระบบติดตามวัคซีนเชิงรุกในเด็กอายุ 0-5 ปี รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโรคตามเกณฑ์ ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มจำนวนผู้มารับบริการวัคซีนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกะรอมากขึ้น
การใช้สื่อออนไลน์เช่นเฟสบุ้ค สามารถเพิ่มและติดตามความครอบคลุมการมารับวัคซีนขั้นพื้นฐานในเด็ก0-5 ปีให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรฐาน และสามารถลดค่าโทรศัพท์ในการติดตามการมารับวัคซีนได้ในการพัฒนาระบบนัดการติดตามวัคซีนในเด็ก 0-5 ปีของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกะรอ ทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีนครอบคลุม ลดการป่วยด้วยโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ลดภาระการกำจัดโรค ลดภาระการดูแลผู้ป่วย ซึ่งประเทศชาติต้องสูญเสียทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ในเรื่องของวัคซีน /เกณฑ์อายุ /ฤทธิ์ข้างเคียงของวัคซีน / การดูแลหลังได้รับวัคซีน 2. เพื่อป้องกันและลดการเกิดโรคติดต่อที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน 3. .เพื่อให้สามารถตามผู้ที่ขาดนัดได้ครอบคลุม 1.ผู้รับบริการมาฉีดวัคซีนตามนัด ร้อยละ 90 2. ผู้รับบริการมีสุขภาพดี ไม่เกิดโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ร้อยละ 90 3.ผู้ปกครองมีทัศนคติที่ดี และทราบผลเสียของการได้รับวัคซีนล่าช้า ร้อยละ 90. 4. เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ในเรื่องของวัคซีน /เกณฑ์อายุ /ฤทธิ์ข้างเคียงของวัคซีน / การดูแล |
90.00 | 1.00 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
วัตถุประสงค์ข้อที่ 1 : 1. เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ในเรื่องของวัคซีน /เกณฑ์อายุ /ฤทธิ์ข้างเคียงของวัคซีน / การดูแลหลังได้รับวัคซีน 2. เพื่อป้องกันและลดการเกิดโรคติดต่อที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน 3. .เพื่อให้สามารถตามผู้ที่ขาดนัดได้ครอบคลุม |
||||||
รวม | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 | ||
ไม่ระบุวัตถุประสงค์ |
||||||
27 ส.ค. 62 | อบรมให้ความรู้เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ในเรื่องของวัคซีน /เกณฑ์อายุ /ฤทธิ์ข้างเคียงของวัคซีน / การดูแล | 200.00 | 32,850.00 | ✔ | - |
หมายเหตุ : งบประมาณ และ ค่าใช้จ่าย รวมทุกวัตถุประสงค์อาจจะไม่เท่ากับงบประมาณรวมได้
- สร้างระบบการเรียนรู้ระหว่าง ผู้นำหมู่บ้าน อสม. ผู้นำศาสนา ในพื้นที่ผ่านระบบออนไลน์
- ให้ความรู้เรื่องโรคที่เกิดจากการไม่ได้รับวัคซีน
3.กิจกรรมเพิ่มทักษะการดูแลเด็กหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรค 4.สร้างระบบติดตาม โดย อสม.เป็นผู้ติดตามหลัก แบบเชิงรุก - สร้างทีมงานเพื่อนช่วยเพื่อนในการให้คำปรึกษาเรื่องภูมิคุ้มกันโรค
- สร้างระบบติดตาม โดยใช้ อสม.เป็น call center ในการติดตามลูกบ้านที่ไม่มาฉีดวัคซีนตามนัด 7.กิจกรรมแลกเปลี่ยนจากผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์
1.ผู้รับบริการมาฉีดวัคซีนตามนัด ร้อยละ 90 2. ผู้รับบริการมีสุขภาพดี ไม่เกิดโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ร้อยละ 90 3.ผู้ปกครองมีทัศนคติที่ดี และทราบผลเสียของการได้รับวัคซีนล่าช้า ร้อยละ 90. 4. เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ในเรื่องของวัคซีน /เกณฑ์อายุ /ฤทธิ์ข้างเคียงของวัคซีน / การดูแล
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2561 13:51 น.