กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

stars
1. รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุและสวัสดิการตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
รหัสโครงการ 60-L3027-03-02
ประเภทการสนับสนุน ประเภท 3 สนับสนุนหน่วยงานที่มีหน้ารับผิดชอบเกี่ยวกับเด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ กลุ่มหรือองค์กรประชาชน
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ
วันที่อนุมัติ 20 มีนาคม 2560
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 15 มีนาคม 2560 - 30 กันยายน 2560
กำหนดวันส่งรายงาน
งบประมาณ 142,700.00 บาท
ผู้รับผิดชอบโครงการ นายมะแอเวาะเละ
พี่เลี้ยงโครงการ
พื้นที่ดำเนินการ ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
ละติจูด-ลองจิจูด 6.603,101.314place
stars
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
stars
3. งวดสำหรับการทำรายงาน
stars
4. กลุ่มเป้าหมาย

(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มผู้สูงอายุ 70 keyboard_arrow_down

กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ :

ระบุ

กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
stars
5. หลักการและเหตุผล/สถานการณ์
สถานการณ์ปัญหาขนาด

ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล

ในพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 มาตรา 11 ผู้สูงอายุได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนในด้านต่างๆ วรรค 1 การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุข ที่จัดไว้โดยให้ความสะดวกและรวดเร็วแก่ผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ส่วนที่ 9 สิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขและสวัสดิการจากรัฐ มาตรา 53 บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รับสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะอย่างสมศักดิ์ศรี และความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐ ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุดในปี 2550 ระบุว่ามีผู้สูงอายุประมาณ 7,020,000 คน หรือเกือบร้อยละ 11 ของประชากรทั้งประเทศ โดยผู้สูงอายุจะป่วยง่ายกว่าวัยอื่นถึง 4 เท่า เพราะอยู่ในวัยเสื่อมถอยจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในทางที่เสื่อมลงทำให้ผู้สูงอายุเกิดโรคและปัญหาสุขภาพส่วนใหญ่มีปัญหาเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ข้อเสื่อม ผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี ประมาณ 4 ใน 5 คน จะมีโรคประจำตัว โดยพบปัญหาการมองเห็นและภาวะสมองเสื่อมมีแนวโน้มสูงขึ้น และว่าขณะนี้ผู้สูงอายุร้อยละ 92 อยู่กับสมาชิกในครอบครัว ที่เหลืออีกร้อยละ 8 หรือประมาณกว่า 5 แสนคนอยู่บ้านตามลำพังคนเดียว ผู้สูงอายุ 1 ใน 3 เป็นม่าย หย่า แยกกันอยู่ มีผู้สูงอายุร้อยละ 3เป็นโสด คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะมีผู้สูงอายุที่อยู่ลำพังมากขึ้น ทำให้เกิดโครงสร้างประชากรของประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นจาก 6.8% ในปี 2537 เป็น 9.4% ในปี 2545 และ 10.7% ในปี 2550 สวนทางกับประชากรเด็กที่ลดลงจาก 30% ในปี 2537 มาเป็น 24.9%ในปี 2545 และ 22.4% ในปี 2550 ขึ้น
พบข้อมูลผลสำรวจของตำบลเขาตูม ประมาณการณ์ว่า สัดส่วนของผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 15.3% ในปี 2563 และนั่นหมายความว่า อัตราส่วนของวัยแรงงานต้องรับภาระเลี้ยงดูผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่เข้าสู่ภาวะพึ่งพิงสูงขึ้นไปอีก เรียกภาวะนี้ว่า “ผู้สูงอายุเขาตูม.. จน..ป่วย” ในปี 2550 พบว่า ผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำกว่า 833 บาทต่อเดือนมีอยู่ราว 16% ส่วนผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำกว่า 1,666 บาทต่อเดือนมีอยู่ 17% ซึ่งพบว่า 30% ของประชากรผู้สูงอายุนั้นมีฐานะยากจน ในขณะที่แหล่งรายได้ที่สำคัญของผู้สูงอายุ 52% มาจากบุตร และ 39% มาจากการทำงาน บำนาญ หรือเงินออมของตนเอง กล่าวได้ว่า ผู้สูงอายุถึง 1 ใน 4 คน ที่อยู่ในภาวะเปราะบางทางเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่พอเพียงมีประมาณ ร้อยละ 14 ในด้านสุขภาพ ผู้สูงอายุประเมินตนเองว่ามีสุขภาพดีถึงดีมากมีอยู่ 28% สุขภาพปานกลาง 32 % และผู้ตอบว่าสุขภาพไม่ดี 40% จะเห็นว่าครอบครัวที่มีฐานะปานกลางหากต้องดูแลผู้สูงระยะยาวไปนานๆ เงินที่ออมไว้อาจไม่เพยงพอที่จะใช้จ่าย ด้วยปัจจุบันระบบการบริการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ในปัจจุบันนี้ยังมีข้อจำกัดในการตอบสนองความต้องการบริการของผู้สูงอายุ นอกจากขาดระบบบริการเฉพาะทางสำหรับผู้สูงอายุ ยังขาดบริการการดูแลระยะยาวและเรื้อรังที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ บริการสุขภาพที่มีอยู่ไม่ครอบคลุม และผู้สูงอายุบางส่วนยังเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพ เช่น ผู้สูงอายุที่แอบแฝงอยู่ในสถาบันต่าง ๆ เช่น วัด เรือนจำ ชุมชนชนบทห่างไกล ชนกลุ่มน้อย ระบบบริหารมีปัญหาการประสานงานระหว่างภาคเอกชน-รัฐ-ชุมชน ขณะที่การดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวก็มีแนวโน้มขาดคุณภาพและขาดผู้ดูแลในอนาคต เพราะสังคมที่ผันแปรไป ผู้สูงอายุเป็นถูกโดดเดี่ยวและเป็นโสดมากขึ้น จำนวนบุตรเฉลี่ยลดลง ครอบครัวขยายลดลง ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังมากขึ้น ส่งผลให้ผู้สูงอายุขาดการดูแล โดยเฉพาะเขตชนบทไทย เพราะยังขาดกลไกหลักที่จะดูแลบริการให้เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งบุคลากรที่เกี่ยวข้องยังขาดความรู้ ทัศนคติและทักษะในการให้บริการอย่างรอบด้านเชิงลึกขาดการกระตุ้นและส่งเสริมให้ชุมชนหรือท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการด้านสวัสดิการสถานการณ์และแนวโน้มที่มีผู้สูงอายุและการอยู่ในภาวะพึ่งพิงที่เพิ่มขึ้นนี้ จึงเป็นสัญญาณไปยังภาครัฐที่จะต้องเตรียมระบบสวัสดิการสังคม ระบบบริการสุขภาพแบบมีขั้นตอนเพื่อรองรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม มีการคาดการณ์จำนวนผู้สูงอายุที่ดูแลตนเองได้ในการเตรียมการรองรับปัญหานี้ ต่อการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวต่อผู้สูงอายุให้สุขใจ สุขกาย และสังคม ให้มีการบริการสุขภาพในชุมชน และการบริการสุขภาพในสถาบัน ของสังคมหรือชุมชน ในท้องถิ่น ที่เน้นบริการเชิงรุกประกันการเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุ เพื่อจะลดภาวะพึ่งพิง นั้น สิ่งสำคัญที่สุดของการจัดบริการดูแลระยะยาวที่ดีคือ การสร้างระบบการดูแลระยะยาวให้กับผู้สูงอายุกับแนวทางที่เหมาะสมรูปแบบการสร้างระบบดูแลผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ ควรดำเนินอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง ที่ผ่านมาวิชาชีพสุขภาพและศูนย์ควบคุมโรคและป้องกันโรคมีหน้าที่หลักในในการดูแลผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามควรสร้างการมีส่วนร่วมหรือเครือข่ายใหม่ในการทำหน้าที่หรือบทบาทเพิ่มเติม เช่น คณะกรรมการบริหารชมรม ซึ่งเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการจัดระบบการดูแลระยะยาวให้กับผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับสภาวะของโลกปัจจุบันการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้แสดงศักยภาพในการส่งเสริมสุขภาพตน ครอบครัว และชุมชน โดยเน้นให้มีการจัดตั้ง “ชมรมผู้สูงอายุ” ขึ้น จะเป็นแหล่งที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถร่วมตัวกัน เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม มีบทบาทในสังคมของผู้สูงอายุ
ในเขตพื้นที่ตำบลเขาตูม เป็นพื้นที่หนึ่งไม่ได้มีการดำเนินการจัดตั้งชมรมและสวัสดิการผู้สูงอายุ อันจะให้เป็นศูนย์กลางการพบปะสังสรรค์ มีการจัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ และมีความหลากหลายของผู้สูงวัยเป็นรูปแบบการสร้างระบบดูแลผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ และส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถลดการพึ่งพิง เกิดการจัดการการจัดการตัวเองระบบดูแลผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุและสวัสดิการ
ดังนั้น ประชาคมผู้สูงอายุเขาตูม ลุกขึ้นมาที่จะพึ่งพาตนเองดัวยการจะจัดการด้วยตนเองขึ้นมาในการที่จะสร้างระบบดูแลผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุเชิงรูปแบบสวัสดิการให้ได้ชัดเจนขึ้นมา และเหมาะสมยิ่งขึ้นและยังเกิดลักษณะของผู้สูงอายุที่สามารถช่วยชักจูงให้ผู้สูงอายุในพื้นที่ตำบลเขาตูมอาศัยชมรมเป็นฐานการร่วมกลุ่มที่จะให้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกันและสามารถดูแลตนเองแบบยั่งยืนได้ต่อไป

stars
6. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดปัญหาเป้าหมาย 1 ปี
1 เพื่อจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุและสวัสดิการตำบลเขาตูม
  • มีชมรมผู้สูงอายุและสวัสดิการตำบลเขาตูม จำนวน 1 แห่งและได้ผู้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกชมรม ≤ 50 คน
  • มีคณะทำงานในรูปแบบคณะกรรมการบริหารจัดการชมรม จำนวน 1 คณะ ≤ 13 คน
2 เพื่อสร้างระบบดูแลผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุเชิงรูปแบบสวัสดิการ
  • เกิดการส่งเสริมอาชีพกลุ่มผู้สูงอายุด้วยการทำข้าวชุมชนปลอดสารพิษ จำนวน 1 กลุ่ม เป็นสมาชิก ≤ 20 คน
  • มีข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุเขาตูม ภาพรวมและส่วนบุคคล(ทะเบียนประวัติ) ร้อยละ 65 ของเป้าหมายจำนวน 1 ฉบับ ทำการสำรวจข้อมูลและรายงาน 2-3 ปี/ครั้ง
  • มีระเบียบปฏิบัติสำหรับชมรม จำนวน 1 ฉบับ
3 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุสามารถร่วมตัวกัน มีส่วนร่วมสร้างสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีแบบพึ่งตนเอง
  • มีแผนการดำเนินงานพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนชมรม จำนวน 1 แผน
  • มีเวทีชมรมเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาชมรม จำนวน 1 ครั้ง/ปี
  • มีเวทีความคิดเห็นการพัฒนาผู้สูงอายุ จำนวน 2 ครั้ง/ปี
stars
7. การดำเนินงาน/กิจกรรม
วันที่ชื่อกิจกรรมกลุ่มเป้าหมาย
(คน)
งบกิจกรรม
(บาท)
ทำแล้ว
 
ใช้จ่ายแล้ว
(บาท)
รวม 0 0.00 0 0.00

การดำเนินการมีแผนการดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมและระยะเวลาทำการศึกษา 7 เดือน โดยเริ่มโครงการศึกษาตั้งแต่วันที่ 15 เดือนมีนาคม พ.ศ.2560 สิ้นสุดเดือนวันที่ 30 เดือนกันยายน พ.ศ.2560 โดยแสดงเป็นแผนภูมิแสดงขั้นตอนระยะเวลาในการดำเนินงาน (Phasing Chart) ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสิ้นสุดการดำเนินโครงการ โดยมีรายละเอียดในตารางแผนการดำเนินงาน
ขั้นที่ 1 ก่อนดำเนินการโครงการ
กิจกรรม : เวทีความคิดเห็นการพัฒนาผู้สูงอายุ - การร่างข้อเสนอโครงการ - เสนอขอเสนอโครงต่อ สปสช.อบต.เขาตูม
- ประชุมวางแผนงานการดำเนินการโครงการและการประสานงานเพื่อเตรียมทีมคณะทำงานที่จะเปิดศูนย์ของชมรมผู้สูงอายุและชมรม - จัดทำแผนปฏิบัติการงานและเตรียมข้อมูลการดำเนินงานโครงการการของชมรม
- ประสานงาน/ชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขั้นที่ 2 การดำเนินการโครงการ
กิจกรรม : การจัดงานเปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการและดำเนินงานของคณะกรรมการชมรม (จัดตั้งชมรม)
กิจกรรม : ส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุข้าวชุมชนปลอดสารพิษ กิจกรรม : การสำรวจข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุ - การดำเนินการเปิดรับสมัครสมาชิกเข้าชมรม - ตั้งคณะทำงานและบริหารจัดการ โครงสร้างองค์กร/ โครงสร้างการบริหารจัดการชมรม - ประชุมวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมกับการจัดงานพิธีเปิดตัวชมรมและคณะกรรมการผู้บริหารจัดการชมรม - การดำเนินการจัดงานพิธีเปิดตัวชมรมและคณะกรรมการผู้บริหารจัดการชมรม - ประชุมประเมินผลหลังการจัดงานพิธีเปิดตัวชมรมและคณะกรรมการผู้บริหารจัดการชมรม ขั้นที่ 3 หลังดำเนินการโครงการ
กิจกรรม : เวทีชมรมเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาชมรมและถอดบทเรียน - ประสานงาน/ชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง - นำเสนอสรุปรายงานการดำเนินการโครงการ - ทำรายงานเกี่ยวกับข้อมูลผลลัพธ์การดำเนินการ - สรุปปิดโครงการและส่งมอบรายงานแก่ สปสช.

stars
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. ประชาคมผู้อายุของตำบลเขาตูมได้มีการหันมาใช้ชมรมเป็นศูนย์การในการมีส่วนร่วมสร้างสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีแบบพึ่งตนเอง 2. เป็นการส่งเสริมและสร้างเสริมให้มีสุขภาพกายดี สุขภาพจิตดี การร่วมกิจกรรมสังคม มีการร่วมมือกัน 3. เป็นระบบการดูแลแลระยะยาวและบริการสุขภาพอนามัยแบบการสร้างความรัก ความสามัคคีความสมานฉันท์และชุมชนได้เรียนรู้ถึงปัญหา แนวทางแก้ไขได้อย่างยั่งยืน “สูงวัย ... สุขใจ สุขกาย” 4. ผลผลิตข้าวชุมชนไม่มีสารพิษทำให้ได้ข้าวปลอดสารพิษทั้งยังทำให้เกิดการอนุรักษ์ธรรมชาติและรักษาดินไม่ให้เสื่อมแตกต่างจากการใช้ปุ๋ยเคมี 5. มีเงินค่าครองชีพของตนเองที่ไม่เป็นภาวะพึ่งพิงแก่สังคม

stars
9. เอกสารประกอบโครงการ

โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2560 14:00 น.