กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

ชื่อโครงการ โครงการอบรมให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้าและโรคคอตีบ บาดทะยักแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงปี 2562

ที่อยู่ ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จังหวัด สงขลา

รหัสโครงการ 62-L5248-2-02 เลขที่ข้อตกลง

ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2562

กิตติกรรมประกาศ

"โครงการอบรมให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้าและโรคคอตีบ บาดทะยักแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงปี 2562 จังหวัดสงขลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา

คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปริก ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป

คณะทำงานโครงการ
โครงการอบรมให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้าและโรคคอตีบ บาดทะยักแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงปี 2562

บทคัดย่อ

โครงการ " โครงการอบรมให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้าและโรคคอตีบ บาดทะยักแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงปี 2562 " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา รหัสโครงการ 62-L5248-2-02 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 พฤษภาคม 2562 - 30 กันยายน 2562 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 24,730.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปริก เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 0 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้

โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ

หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"

สารบัญ

ความเป็นมา/หลักการเหตุผล

สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์รายงานการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย พ.ศ. 2561 พบไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ 341 ตัว ใน 40 จังหวัดทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ถึง  2 เท่า พบว่าสัตว์ที่ติดเชื้อร้อยละ 91.3 เป็นหมา และร้อยละ 2.03 เป็นแมว ในจำนวนนี้ร้อยละ 60.25 เป็นสัตว์มีเจ้าของ และร้อยละ 32.61 เป็นสัตว์จรจัด สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย พบผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุดในปี พ.ศ. 2523 จำนวน 370 ราย หลังจากนั้นมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยน้อยกว่าปีละ 10 ราย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554-2558 พบผู้ป่วย และเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าจำนวน 8, 4, 7, 6 และ 5 ราย ตามลำดับ แต่ในปี พ.ศ. 2559 พบว่าผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคนี้เพิ่มขึ้นเป็น 14 ราย ซึ่งสูงสุดในรอบ 8 ปี และลดลงเหลือ 11 ราย ในปี 2560 ซึ่งในปี พ.ศ. 2561 ก็ยังพบผู้ป่วยโรคนี้อย่างต่อเนื่อง จากที่ได้สอบถาม ผู้ป่วยและญาติ ยังมีอีกมากที่มีความรู้ความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า จึงส่งผลให้มีอาการที่รุนแรงและอาจเสียชีวิตในที่สุด สำหรับโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนอย่างโรคคอตีบบาดทะยัก ยังมีประชาชนอีกมากที่ยังไม่ได้รับภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมากนัก ในปี พ.ศ. 2556 มีการระบาดของโรคในหมู่บ้าน ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหัวถนนได้ลงควบคุมโรคและฉีดวัคซีนให้แล้ว แต่ยังมีประชาชนบางกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ทั้งนี้ทางชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหัวถนน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการให้ความรู้ความเข้าใจของโรคแก่ประชาชนทั่วไป และประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสสัมผัสโรค จึงได้จัดโครงการอบรมให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้าและโรคคอตีบบาดทะยักขึ้น เพื่อเกิดประโยชน์และสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ยั่งยืนต่อไป

สถานการณ์

วัตถุประสงค์โครงการ

1. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าและโรคคอตีบบาดทะยัก
2. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเมื่อมีบาดแผลหรือถูกสัตว์กัด ข่วน
3. ประชาชนมีทักษะในการดูแลตัวเองเบื้องต้น เมื่อมีบาดแผลหรือถูกสัตว์กัด ข่วน

กิจกรรม/การดำเนินงาน

กลุ่มเป้าหมาย

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1. ผู้รับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าและโรคคอตีบบาดทะยักมากขึ้น
2. ผู้รับการอบรมเกิดทักษะในการดูแลตนเองและครอบครัว เมื่อมีบาดแผลหรือถูกสัตว์กัด ข่วน
3. ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดแก่บุคคลใกล้ชิด ครอบครัว เพื่อนบ้าน และชุมได้อย่างถูกต้อง
4. ผู้เข้ารับการอบรม ได้รับวัคซีนคอตีบบาดทะยักเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค

ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน

* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น