ส่งเสริม ป้องกันและเฝ้าระวังทันตสุขภาพ ปี 2562
ชื่อโครงการ | ส่งเสริม ป้องกันและเฝ้าระวังทันตสุขภาพ ปี 2562 |
รหัสโครงการ | 62-L4148-1-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบาโร๊ะ |
วันที่อนุมัติ | 23 เมษายน 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 17 มิถุนายน 2562 - 30 กันยายน 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2562 |
งบประมาณ | 66,750.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวรุสนี แซกระดี |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบาโร๊ะ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.457,101.133place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
"ฟัน" คือปราการด่านแรกของกระบวนการเผาผลาญอาหาร ฟันที่ดีและแข็งแรง จะช่วยบดเคี้ยวอาหารที่ดีส่งไปสู่ลำไส้ และต่อเนื่องไปถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆตามมา "ฟัน" จึงเป็นอวัยวะอันดับต้นๆที่เราต้องใส่ใจ สุขภาพช่องปากมีความสำคัญต่อสุขภาพของทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์เป็นสภาวะที่สภาพร่างกายของคนเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และอาจเกิดฟันผุได้มากขึ้นเนื่องจากรับประทานอาหารบ่อยขึ้น และการมีอนามัยช่องปากที่ไม่ดีอาการอาเจียนบ่อยๆขณะแพ้ท้องอาจทำให้เกิดฟันสึกกร่อนจากการสัมผัสน้ำย่อยที่เป็นกรด ภาวการณ์เป็นโรคปริทันต์ หรือเหงือกอักเสบ อาจส่งผลต่อคุณภาพของการตั้งครรภ์และการคลอด มีการศึกษาที่ยืนยันถึงความสัมพันธ์ของโรคปริทันต์กับการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดและเด็กน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ซึ่งยังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยจากการศึกษาของสำนักทันตสาธารณสุขพบว่า หญิงตั้งครรภ์มีฟันผุเฉลี่ย6.6 ซี่ ร้อยละ 90.4มีเหงือกอักเสบร้อยละ 89.60 และจากการศึกษาข้อมูลของหญิงตั้งครรภ์ในเขตตำบลบาโร๊ะ ในปี 2561 จำนวน 174 คน พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากจำนวน 148 คน พบหินน้ำลายจำนวน 138 คน คิดเป็นร้อยละ93.24 ฟันผุต้องอุดจำนวน 120 คน คิดเป็นร้อยละ81.08 ฟันผุต้องถอนจำนวน 100 คน คิดเป็นร้อยละ67.56 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคฟันผุทั้งปากพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของหญิงตั้งครรภ์ยังส่งผลต่อการเกิดฟันผุของลูกในอนาคตเพราะเชื้อโรคที่ทำให้ฟันผุสามารถส่งต่อจากแม่หรือคนเลี้ยงไปสู่เด็กผ่านทางน้ำลาย จากการศึกษาเด็กก่อนวัยเรียน พบอัตราการผุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 1-3 ปี สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กฟันผุมาจากพฤติกรรมของมารดาและคนในครอบครัวในการเลี้ยงดูบุตรที่ไม่ถูกต้องรวมถึงการดูแลทำความสะอาดช่องปากที่ไม่ถูกวิธี และมีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดโรคฟันผุในฟันน้ำนมอย่างรุนแรง จากการสำรวจสภาวะเด็กกลุ่มวัยเรียนมักมีปัญหาสุขภาพช่องปากมากขึ้น เพราะอาหารการกินที่ส่วนมากเป็นขนมหวานเหนียว และไม่ชอบแปรงฟัน ประกอบกับโรงเรียน หรือหน่วยบริการสาธารณสุขอาจยังไม่มีกิจกรรมป้องกันส่งเสริมทันตสุขภาพที่ชัดเจน ผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพครั้งล่าสุดในปี2561พบว่าผู้ที่มีอายุ ๖๐ปีขึ้นไป ไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร ร้อยละ 18.5 และสูญเสียบางส่วนเกือบทุกคนส่งผลให้เกิดความต้องการฟันเทียมทั้งปากเพื่อการเคี้ยวอาหารเพิ่มขึ้น อีกทั้งโรคในช่องปากที่นำไปสู่การสูญเสียฟันในกลุ่มผู้สูงอายุทั้งโรคฟันผุ โรคปริทันต์และรากฟันผุเป็นโรคเรื้อรังที่สะสมมาก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุความชุกและความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป ดังนั้นทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบาโร๊ะ จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริม ป้องกันและเฝ้าระวังทันตสุขภาพ ปี2562 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อมุ่งเน้นให้ทุกกลุ่มอายุสามารถดูแลสุขภาพช่องปากของตัวเองได้ถูกต้องและเหมาะสม
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้รับการตรวจประเมินสุขภาพช่องปาก
|
0.00 | |
2 | เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝึกแปรงฟันอย่างมีประสิทธิภาพ
|
0.00 | |
3 | เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้รับบริการทันตกรรม Complete case
|
0.00 | |
4 | เพื่อให้ผู้ปกครองเด็กเพื่อให้ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากก่อนวัยเรียนมีควาเพื่อให้ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากมรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก
|
0.00 | |
5 | เพื่อให้แกนนำนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก
|
0.00 | |
6 | เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับบริการตรวจสุขภาพช่องปาก
|
0.00 |
ขั้นเตรียมการ
1.แลกเปลี่ยนเรียนรู้ผู้นำศาสนาเพื่อเตรียมแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน
2. สำรวจปัญหาทันตสุขภาพตามกลุ่มวัย
3. เขียนโครงการ กำหนดรายละเอียดแผนงาน และการดำเนินงาน
4. ประสานงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามโครงการและแผนงาน
5. ประชุมเตรียมการดำเนินงาน และกำหนดแผนการดำเนินงานตามโครงการ
ขั้นดำเนินงาน
1. อบรมฟื้นฟูความรู้แก่อสม.
ความรู้เรื่องการตรวจสุขภาพช่องปากเบื้องต้นสำหรับอสม.
ความรู้เรื่องโรคในช่องปาก/ โรคทีมักพบบ่อยในช่องปาก
ความรู้เรื่อง ทักษะการทำความสะอาดในช่องปาก
2. กลุ่มหญิงตั้งครรภ์
2.1 ทบทวนและจัดทำแนวทางการส่งเสริมทันตสุขภาพในหญิงตั้งครรภ์
2.2 ตรวจประเมินสุขภาพช่องปากพร้อมแจกชุดอุปกรณ์สาธิต และให้ทันตสุขศึกษาแก่หญิงตั้งครรภ์
2.3 จัดนิทรรศการมหกรรมหญิงตั้งครรภ์แบ่งเป็น 4 ฐาน
ฐานที่ 1 โรคเหงือกอักเสบ/โรคฟันผุ
ฐานที่ 2 การย้อมสีฟันและฝึกแปรงฟันจริง
ฐานที่ 3 อาหารหลัก5 หมู่
ฐานที่ 4 ตรวจสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง
2.4 กิจกรรมการเยี่ยมหลังคลอดพร้อมแจกถุงนิ้วการทำความสะอาดช่องปากเด็กแรกเกิด
3. กลุ่มก่อนวัยเรียน
3.1 ตรวจประเมินสุขภาพช่องปากพร้อมแจกชุดอุปกรณ์สาธิตฟันซี่แรก
3.2 จัดอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนเกี่ยวกับสาธิตการแปรงฟันให้ลูกในท่าต่างๆ อาหารที่มีประโยชน์ การแปรงฟันก่อนนอนให้ลูก
3.3 เจ้าหน้าทีร่วมกับ อสม.ออกเยี่ยมบ้านเพื่อกระตุ้นติดตามให้ผู้ดูแลทำความสะอาดช่องปากลูก
4. กลุ่มวัยเรียน
4.1 วางแผนการดําเนินงานเฝ้าระวังทันตสุขภาพในโรงเรียนประถมศึกษา
4.2 จัดอบรมแกนนำนักเรียนด้านทันตสุขภาพโดยการให้ทันตสุขศึกษา และให้ฝึกปฏิบัติจริง
4.3 จัดกิจกรรมให้ทันตสุขศึกษาในห้องเรียนทุกระดับชั้นโดยทันตบุคลากร และให้ทันตสุขศึกษาผ่านเสียงตามสายในช่วงพักเที่ยงโดยนักเรียนแกนนำ
4.4 จัดกิจกรรมแปรงฟันหลังอาหารกลางวันทุกระดับชั้นทุกห้องเรียนโดยพร้อมเพรียงกันทุกวัน
5. กลุ่มผู้สูงอายุ
5.1 จัดอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผู้สูงอายุเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง
5.2 เจ้าหน้าทีร่วมกับ อสม.ออกเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุช่วยตัวเองไม่ได้ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก
หลังดำเนินงาน -ประเมินผลโครงการ -สรุปผลโครงการ –นำเสนอผลการดำเนินงาน
- หญิงตั้งครรภ์ได้รับการตรวจประเมินสุขภาพช่องปากทุกคน
- หญิงตั้งครรภ์สามารถแปรงฟันได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
- ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตัวเพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดี
- แกนนำนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตัวเพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดี
- ผู้สูงอายุ.มีการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ๆ จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2562 13:24 น.