โครงการบางเหรียงช่วยกันรู้ทันป้องกัน เบาหวาน ความดัน
ชื่อโครงการ | โครงการบางเหรียงช่วยกันรู้ทันป้องกัน เบาหวาน ความดัน |
รหัสโครงการ | 62-L5171-1-19 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางเหรียง |
วันที่อนุมัติ | 6 มิถุนายน 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 6 มิถุนายน 2562 - 30 กันยายน 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 ตุลาคม 2562 |
งบประมาณ | 8,050.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวโสภิดา ไม่จน |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.112,100.364place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากสาเหตุปัจจัยที่สามารถควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ เช่น กรรมพันธุ์ อายุ ละปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ เช่นความอ้วน ,ความเครียด ,ขาดการออกกำลังกาย ,การบริโภคอาหารไม่ถูกส่วน การสูบบุหรี่ และจากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนไทย เจ็บป่วยและตายด้วยโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด (กลุ่มโรค NCD) ซึ่งประเทศไทยมีภาระจากกลุ่มโรคNCDsในสัดส่วนที่สูงกว่านานาชาติ โดยสาเหตุการเสียชีวิตถึง๓๐๐,๐๐๐กว่ารายในปี ๒๕๕๙และ ๒๑.๔%เป็นโรคความดันโลหิตสูง และที่น่าเป็นห่วง คือ อัตราการรับรู้ว่า ตนเองเป็นโรคควาดันโลกิตสูง อัตราการเข้าถึงบริการและอัตราการควบคุมโรคความดันโลหิตสูงได้รั้นค่อนข้างต่ำ มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมีมากถึง ๖.๙%(๓.๒ล้านคน) อัตราการควบคุมได้ในกลุ่มผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงยังอยู่ในเกณฑ์ไม่น่าพอใจโดยเฉพาะประชากร ชาย ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง พบว่า 56.7% ที่รู้ตัว และมีเพียง 27.1% ที่สามารถ ควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ ยังมีอีก19.4% หรือเกือบ 9 ล้านคน มีภาวะไขมันคลอเรสเตอรอลสูง โดยผู้หญิงมี ความชุกมากกว่าผู้ชาย ประชากรไทยเกือบ 1 ใน 3 เข้าข่ายภาวะน้ำหนักเกิน ส่วนอีก 8.5% เข้าข่ายโรคอ้วน และในแต่ละปีจะมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งจากการลงศึกษาสุขภาพในชุมชนในเขตพื้นที่ หมู่ที่ ๒,๓,๔,๕,๖,๗ ในพื้นที่รับผิดชอบของ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางเหรียง ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลาพบว่า ประชาชนป่วยด้วยโรคเบาหวาน จำนวน ๑๗๗ ราย และความดันโลหิตสูง ๔๖๙ คน มีพฤติกรรมการบริโภค หวาน มัน เค็ม ร้อยละ ๖๗ ครัวเรือนการออกกำลังกายน้อย การสูบบุหรี่เป็นประจำร้อยละ ๔๓ ซึ่งพฤติกรรมเล่านี้เป็นพฤติกรรมเสี่ยงและถ้าหากประชาชนไม่มีการควบคุมปัจจัยดังกล่าว ร่วมกับการมีอายุที่มากขึ้น ย่อมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงได้ซึ่งเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคดังกล่าวแล้วจำเป็นต้องรับประทานยาตลอดชีวิต หรือถ้าหากมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ทำให้สูญเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางเหรียง ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง มีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ รวมทั้ง สามารถประเมินและแก้ไขปัญหาภาวะสุขภาพของตนเอง ครอบครัวและชุมชนเพื่อป้องกัน โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บางเหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา จึงได้จัดทำโครงการ “บางเหรียงช่วยกันรู้ทันเบาหวานและความดัน “ในหมู่ที่ ๒,๓,๔,๕,๖และ หมู่ที่ ๗ ตำบลบาง เหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลาขึ้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1 เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองของผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงและสามารถนำความรู้ไปสู่การประยุกต์ใช้สำหรับ การดูแลตนเองในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง ร้อยละ ๘๐ ของกลุ่มเสี่ยงที่เข้าร่วมโครงการมีพฤติกรรมในการดูแลตัวเองได้ถูกต้อง |
0.00 | |
2 | 2 เพื่อสร้างกระแสตื่นตัวให้ประชาชนมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ให้ตระหนักถึง ความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเกิดการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสมอันส่งผลถึงคุณภาพ ชีวิตที่ดี ร้อยละ๘๐ ของกลุ่มเสี่ยงที่เข้าร่วมโครงการ สุขภาพที่ดีขึ้นจากการประเมินติดตามทุก ๓ เดือน |
0.00 | |
3 | 3 เพื่อลดอัตราการเกิดผู้ป่วยรายใหม่จากกลุ่มเสี่ยง การเกิดกลุ่มป่วยรายใหม่จากกลุ่มเสี่ยงลดลงไม่เกินร้อยละ๑๐ |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 70 | 8,000.00 | 0 | 0.00 | |
15 พ.ค. 63 | 1. การประชุมชี้แจงโครงการ 1.1 ประชุมชี้แจงคณะกรรมการหมู่บ้านและคณะทำงานเกี่ยวกับโครงการ | 70 | 0.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2.อบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้แก่กลุ่มเสี่ยงโดยการแบ่งการให้ความรู้เป็น ๓ ฐาน ดังนี้ - ฐานที่ ๑ เรื่อง อาหาร (อ.๑) - ฐานที่ ๒ เรื่อง อารมณ์ ( อ.๒) - ฐานที่ ๓ เรื่อง ออกกำลังกาย ( อ.๓) | 0 | 2,400.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2.1 ให้การติดตามกลุ่มเสี่ยงที่เข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทุก ๒ เดือนพร้อมประเมินความเสี่ยง ( ๔ ครั้ง ) | 0 | 5,600.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | กิจกรรมที่ 4 ให้การดูแลและส่งต่อกลุ่มเสี่ยงสูงที่สงสัยป่วยเข้าสู่คลินิกปรับเปลี่ยนแบบเข้มโดยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์, นักโภชนาการ,เภสัชกร | 0 | 0.00 | - |
กิจกรรมที่ 1 การประชุมชี้แจงโครงการ
ประชุมชี้แจงคณะกรรมการหมู่บ้านและคณะทำงานเกี่ยวกับโครงการ
กิจกรรมที่ 2 การอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเสี่ยง
2.1 การทดสอบความรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุ่มเสี่ยงเพื่อประเมินพฤติกรรมนำมาสู่การ ปรับเปลี่ยนที่ถูกต้องและเหมาะสมกับบุคคล
2.2 อบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้แก่กลุ่มเสี่ยงโดยการแบ่งการให้ความรู้เป็น ๓ ฐาน ดังนี้
- ฐานที่ ๑ เรื่อง อาหาร (อ.๑)
- ฐานที่ ๒ เรื่อง อารมณ์ ( อ.๒)
- ฐานที่ ๓ เรื่อง ออกกำลังกาย ( อ.๓)
กิจกรรมที่ 3 ให้การติดตามกลุ่มเสี่ยงที่เข้ารับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทุก ๒ เดือน ( ๔ ครั้ง )
กิจกรรมที่ 4 ให้การดูแลและส่งต่อกลุ่มเสี่ยงสูงที่สงสัยป่วยเข้าสู่คลินิกปรับเปลี่ยนแบบเข้มโดยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์, นักโภชนาการ,เภสัชกร
๑. กลุ่มเป้าหมาย มีความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองเรื่องพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
และโรคความดันโลหิตสูงและสามารถนำความรู้ไปสู่การประยุกต์ใช้สำหรับ การดูแลตนเองในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง
๒. กลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
๓. จำนวนผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่และผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ลดลงและไม่เกินค่าที่กำหนดไว้
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2562 19:02 น.