โครงการรณรงค์ตรวจมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ปีงบประมาณ 2563
ชื่อโครงการ | โครงการรณรงค์ตรวจมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ปีงบประมาณ 2563 |
รหัสโครงการ | 63-L5211-1-02 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหาร |
วันที่อนุมัติ | 24 ตุลาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2563 - 31 ธันวาคม 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 ธันวาคม 2563 |
งบประมาณ | 14,800.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสุดารัตน์ ศรีเพ็ชร |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบ้านหาร อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.075,100.45place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 ม.ค. 2563 | 30 มิ.ย. 2563 | 14,800.00 | |||
รวมงบประมาณ | 14,800.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม เป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอับดับ 1 และ 2 ของโรคมะเร็งทั้งหมดของสตรีไทย จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติปี 2561 พบว่าโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นสัดส่วนร้อยละ 33.1 ของมะเร็งทุกชนิดในสตรี โรคมะเร็งที่พบรองลงมา ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านม,โรคมะเร็งช่องปาก,โรคมะเร็งปอด และโรคมะเร็งรังไข่ ฯลฯ ปัญหาดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และทางด้านเศรษฐกิจ
เป็นอย่างมาก แต่จะสามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ถ้าพบผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะเริ่มแรก ดังนั้นถ้าสามารถกระตุ้นให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคดังกล่าว พร้อมทั้งตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการตรวจค้นหาโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรกก็จะทำให้อัตราการเกิดโรค อัตราการป่วยและอัตราการตายจากโรคมะเร็งฯ ลดลงกระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้บรรจุแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับโรคดังกล่าวขึ้น โดยกำหนดตัวชี้วัดคือสตรีที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี ได้รับการตรวจ PAP smear ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 (ผลงานสะสมรอบ 5 ปี คือ 1 ต.ค.2558 ถึง 30 ก.ย.62) และสตรีที่มีอายุระหว่าง 30-70 ปี ต้องได้รับการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองจากเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครสาธารณสุข ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในรอบ 5 ปีถึงเดือนปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2557-2561 ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหาร อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา พบว่าจำนวนผู้มารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก ร้อยละ 75.51 (จากฐานข้อมูล HDC สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ณ วันที่ 30 กันยายน 2562) และสตรีที่มีอายุระหว่าง 30-70 ปี ได้รับการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองจากเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครสาธารณสุข ร้อยละ 78.46 (จากฐานข้อมูล HDC สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ณ วันที่ 30 กันยายน 2562) ซึ่งยังไม่ผ่านเกณฑ์ตามเป้าหมายที่กำหนดและประกอบกับได้พบเห็นผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านมได้รับความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านมอยู่อย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถค้นหาโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น,สามารถให้การช่วยเหลือ ดูแล รักษาได้ ผู้ป่วยก็จะไม่ต้องทุกข์ทรมานมากและก็จะสามารถมีอายุที่ยืนยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากประสบการณ์การทำงานในชุมชนและจากการวิเคราะห์ตามสถานการณ์พบว่า งานการเฝ้าระวังการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านมเป็นปัญหาสาธารณสุขที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กลุ่มเป้าหมายหญิงวัยเจริญพันธุ์ไม่ค่อยมารับบริการ ทั้งนี้เพราะสตรีเป็นเพศที่มีความละอาย มีความอดทนและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตรีที่อยู่ในชนบทจะมีความอดทนสูง ความละอาย ความไม่กล้า และความอดทนที่มีอยู่นี้ก็อาจจะเป็นทั้งคุณและโทษในคราวเดียวกันได้ เช่น เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องของอวัยวะเพศแล้วไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอกใคร ถึงเจ็บปวดก็มีความอดทน สิ่งนี้หากเขาเป็นโรคร้ายก็อาจสายเกินแก้ที่ไม่สามารถช่วยได้ในภายหลังงานการตรวจมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมจึงเป็นงานยากต่อการปฏิบัติ เป็นปัญหาสุขภาพในพื้นที่ทีมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหาร อาสาสมัครสาธารณสุข และแกนนำองค์กรชุมชน มีความตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหา ดังกล่าวจึงเกิดแนวความคิดในการทำงานร่วมกัน นำรูปแบบการทำงานเชิงรุกมาใช้โดยการใช้ศักยภาพของชุมชนที่มีอยู่อย่างเต็มที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ผสมผสานกับวิทยาการทางการแพทย์สอดแทรกเสริมให้กับกลุ่มพลังมวลชน การที่คนได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพให้สมกับความเป็นมนุษยชาติสามารถช่วยเหลือดูแลตนเอง ช่วยเหลือดูแลบุคคลในครอบครัวและบุคคลอื่นในชุมชนให้พ้นจากพิษภัยของโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านม สร้างคนให้เป็นคนดีมีคุณภาพต่อสังคมส่งผลให้ประชาชนในชาติมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอายุยืนยาวสามารถอยู่ในสังคมได้ด้วยความปกติสุขไม่เป็นภาระของประเทศชาติ นับเป็นคุณอนันต์ที่จะก่อให้เกิดกุศลกรรม
(คือผลแห่งการกระทำความดี) ของประชาชนในชาติได้เป็นอย่างดียิ่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหารร่วมกับแกนนำชุมชน จึงได้คิดจัดทำการพัฒนานวัตกรรมทำโครงการรณรงค์ตรวจมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ขึ้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้สตรีกลุ่มเป้าหมายมีความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกและการตรวจเต้านมด้วยตนเอง
|
0.00 | |
2 | เพื่อให้สตรีที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี ได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูกและสตรีที่มีอายุ 30-70 ปี ตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง
|
0.00 |
ขั้นเตรียมการ
1. เตรียมแกนนำชุมชนต้านภัยมะเร็งปากมดลูกสำหรับการประชุม วางแผน ดำเนินการ ติดตาม สนับสนุน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย
2. เตรียมจัดทำเอกสารแบบฟอร์มการตรวจเต้านมด้วยตนเองตลอดปี และการตรวจมะเร็งปากมดลูกสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
3. เตรียมวัสดุอุปกรณ์สื่อต่างๆที่จำเป็น เช่น Model เต้านมสำหรับการสาธิตการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง แผ่นซีดี ชุดเครื่องมือตรวจมะเร็งปากมดลูกปราศจากเชื้อจากโรงพยาบาลบางกล่ำ
4. เตรียมการประชาสัมพันธ์โดยการเตรียมแผ่นป้าย ไวนิล ใบปลิว
5. เตรียมการประสานงานไปยังบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เช่น ทีมพยาบาลจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพใกล้เคียง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข แกนนำชุมชน อาสาสมัคร เทศบาล ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือ
ขั้นดำเนินการ
1. คัดเลือกแกนนำชุมชนโดยให้เป็นตัวแทนในการเผยแพร่ให้ความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมของหมู่บ้านๆ ละ 5 คน
2. กลุ่มแกนนำแบ่งพื้นที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมายกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธ์อายุ 30-70 ปี ในแต่ละแวกหมู่บ้าน
3. ทำการสำรวจรายชื่อประชากรกลุ่มเป้าหมายกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธ์อายุ 30-70 ปี
4. ทำการประชาสัมพันธ์โดยการติดแผ่นป้าย ไวนิล จุดสำคัญๆ ในชุมชนและในสถานบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหาร และการประกาศผ่านหอกระจายข่าวในหมู่บ้านโดยผู้นำชุมชน เทศบาลตำบลบ้านหาร
5. แจ้งกำหนดการและนัดหมายดำเนินการประชุมกลุ่มเพื่อครอบคลุมทุกพื้นที่
6. ลงบันทึกการตรวจเต้านมด้วยตนเองลงในแบบฟอร์มของแต่ละบุคคล
7. ดำเนินการรณรงค์มะเร็งปากมดลูกเป็นช่วงๆ ต่อเนื่อง โดยขออุปกรณ์การตรวจสำรองไว้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหาร จำนวน 5 ชุด
8. บันทึกผลการตรวจของกลุ่มเป้าหมายส่งไปยังหน่วยงาน พร้อมทั้งรายงานผลไปยังสถาบันมะเร็ง
- ประชาชนเกิดการตื่นตัวในการตรวจมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม
- ประชาชนเกิดความตระหนักถึงพิษภัยของโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม
- ประชาชนมีความต่อเนื่องในการตรวจติดตาม และปฏิบัติกันจนเป็นวิถีชีวิตที่ยั่งยืน
- ประชาชนในพื้นที่ไม่พบการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกมะเร็งเต้านม
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2562 16:29 น.