กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

กิตติกรรมประกาศ

"โครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ผู้ต้องขังหญิงเรือนจำกลางพัทลุง จังหวัดพัทลุง" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง

คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลเมืองพัทลุง ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป

คณะทำงานโครงการ
โครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ผู้ต้องขังหญิงเรือนจำกลางพัทลุง

บทคัดย่อ

โครงการ " โครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม ผู้ต้องขังหญิงเรือนจำกลางพัทลุง " ดำเนินการในพื้นที่ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง รหัสโครงการ 2563-L7572-01-020 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 มกราคม 2563 - 31 มีนาคม 2563 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 4,300.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลเมืองพัทลุง เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้

โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ

หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"

สารบัญ

ความเป็นมา/หลักการเหตุผล

โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายลำดับหนึ่งของประเทศ และมะเร็งปากมดลูกถือเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นลำดับ 3  ของสตรีไทย รองจากมะเร็งตับ อันดับ 2 และมะเร็งเต้านม พบเป็นลำดับ 1 ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ต้องมีการค้นหา โดยการตรวจหาเซลล์มะเร็งให้พบตั้งแต่อยู่ในระยะเริ่มแรกและในระยะก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาในระยะลุกลามและจากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกได้พบว่าการคัดกรองด้วยการทำ Pap smear ในสตรีกลุ่มอายุ ๓๐ ปีขึ้นไป ทำให้ช่วยลดอัตราการเกิดโรคและอัตราการตายจากโรคมะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในสตรีไทยเป็นลำดับ 1 พบว่าสตรีทุก ๑๖ คนมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม ๑ คน แม้ว่ามะเร็งเต้านม ทำให้เกิดความสูญเสียและเป็นสาเหตุการตายในอัตราที่สูง แต่ก็ที่สามารถรักษาได้ และการพยากรณ์โรคค่อนข้างดี ถ้าสามารถตรวจพบและให้การรักษาในระยะเริ่มแรก ซึ่ง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของมะเร็งเต้านมสามารถตรวจพบได้โดยการตรวจเต้านมตนเองเป็นประจำทุกเดือน เพื่อค้นหาความผิดปกติของเต้านม ซึ่งวิธีที่แนะนำให้ปฏิบัติมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก สามารถปฏิบัติได้ง่ายด้วยตนเองโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษใดๆช่วยในการตรวจ ประหยัดเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่าย จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าร้อยละ ๖๐ ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มารับการรักษาเมื่อระยะของโรคลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว ทั้งนี้เนื่องมาจากสตรีเหล่านี้ไม่เคยตรวจเต้านมด้วยตนเอง รวมทั้งการขาดความรู้ ความเชื่อมั่นในการตรวจเต้านม       เรือนจำกลางพัทลุง เป็นสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังตามกระบวนการยุติธรรม มีผู้ต้องขังหญิงถูกคุมขัง จำนวน ๑๖๑ คน กลุ่ม ผู้ต้องขังหญิง เป็นกลุ่มบุคคลที่ต้องได้รับการดูแลขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับบุคคลภายนอกทั่วไปเช่นกัน       สถานพยาบาลเรือนจำกลางพัทลุง จึงได้จัดทำโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและ มะเร็งเต้านม เพื่อค้นหาผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมให้ได้รับการรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก

สถานการณ์

วัตถุประสงค์โครงการ

1. เพื่อให้ผู้ต้องขังหญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปในช่วงอายุทุก 5 ปีทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม
2. ผู้ต้องขังหญิงที่มีอาการผิดปกติหรือมีปัจจัยเสื่ยงสูงได้รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกทุกคน
3. ผู้ต้องขังหญิงทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองหาความผิดปกติของเต้านม และสามารถตรวจเต้านมของตนเองได้ถูกต้อง

กิจกรรม/การดำเนินงาน

1. ประชุมชี้แจงการดำเนินงาน
2. กิจกรรมอบรมให้ความรู้
3. กิจกรรมคัดกรองผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง
4. สรุปผลการดำเนินงาน

กลุ่มเป้าหมาย

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1. ผู้ต้องขังหญิงกลุ่มเป้าหมายมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้รับการคัดกรองความผิดปกติและได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
2. ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมระยะลุกลามและลดอัตราการตายจากโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม
   
3. มีความรู้และมีความตระหนักในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องและตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน

ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน

* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น