โครงการเฝ้าระวังและควบคุมโรคไม่ติดต่อ รพ.สต.น้ำขาว
ชื่อโครงการ | โครงการเฝ้าระวังและควบคุมโรคไม่ติดต่อ รพ.สต.น้ำขาว |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | อสม.หมู่ 6บ้านน้ำขาวใน |
วันที่อนุมัติ | 1 กุมภาพันธ์ 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กุมภาพันธ์ 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 25,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลน้ำขาว อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 273 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 183 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | จำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง | 182.00 | ||
2 | จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวาน | 29.00 | ||
3 | จำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน | 40.00 | ||
4 | จำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง | 22.00 | ||
5 | จำนวนผู้ป่วยมะเร็ง | 12.00 | ||
6 | จำนวนประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง | 594.00 | ||
7 | จำนวนประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน | 839.00 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้สภาพปัญหาทางสุขภาพเปลี่ยนไปด้วย ปัจจุบันแนวโน้มปัญหาสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นจากสาเหตุโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคเหล่านี้เป็นปัญหาที่สำคัญระดับประเทศและระดับโลกซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นสถานการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ในปี 2552 ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีจำนวน 108 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 422 ล้านคน ในปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชากรทั่วโลกที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 เป็นร้อยละ 8.5 หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้ว พบว่า ปัจจุบันประชากรวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 11 คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนในประเทศไทย จากรายงานของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราตายด้วยโรคเบาหวานต่อประชากรแสนคน ในภาพรวมของประเทศในปี 2556 - 2558 เท่ากับ 14.93, 17.53 และ 17.83 ตามลำดับ เห็นได้ว่า อัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายในประชากรไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป ครั้งที่ 3, 4 และ 5 (ปี 2547, 2552 และ 2557) พบว่า ความชุกของโรคเบาหวาน ของครั้งที่ 3 ร้อยละ 7 ใกล้เคียงกับครั้งที่ 4 ร้อยละ 6.9 ส่วนครั้งที่ 5 เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 8.8 (คิดเป็น 4.8 ล้านคน)นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี 2551 ยังพบว่าประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกในการรักษาพยาบาลโรคเบาหวานเฉลี่ย 1,172 บาทต่อราย ส่วนผู้ป่วยในค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ย 10,217 บาทต่อราย รวมค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้น 3,984 ล้านบาทต่อปี หากคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน รวม 3 ล้านคนต่อปี มารับบริการที่สถานพยาบาล จะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้นประมาณ 47,596 ล้านบาทต่อปี (http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?)การที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทำให้ประเทศชาติสูญเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพให้ประชาชนไม่เป็นโรคเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเพราะจะทำให้ประชาชนสุขภาพชีวิตที่ดีและไม่สูญเสียงบประมาณในการดูแลการเจ็บป่วยแนวทางการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานจึงเป็นทางเลือกที่ดีการป้องกันและควบคุมโรคสามารถกระทำได้ทั้งการส่งเสริมสุขภาพด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับบุคคลครอบครัวและชุมชน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อรณรงค์ตรวจคัดกรองคัดโรคเบาหวานในประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไปได้รับการคัดกรองเบาหวานความดันโลหิตสูงไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 |
839.00 | 756.00 |
2 | เพื่อรณรงค์ตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงในประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไป ประชากรกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไปได้รับการคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 |
594.00 | 535.00 |
3 | เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง และติดตามระดับน้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิตหลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
|
93.00 | 66.00 |
4 | เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ประชากรกลุ่มป่วยด้วยโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงได้รับการติดตามและส่งเสริมสุขภาพ ร้อยละ 100 |
273.00 | 273.00 |
5 | เพื่อรณรงค์ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
|
467.00 | 373.00 |
6 | เพื่อรณรงค์ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยวิธี Pap Smear
|
363.00 | 290.00 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
??/??/???? | รณรงค์การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน | 0 | 19,470.00 | - | ||
??/??/???? | การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง | 0 | 3,050.00 | - | ||
??/??/???? | การส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน | 0 | 2,000.00 | - | ||
??/??/???? | รณรงค์การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก | 0 | 480.00 | - | ||
รวม | 0 | 25,000.00 | 0 | 0.00 |
- ร้อยละ 90 ของประชากร อายุ 35 ปีขึ้นไปได้รับการตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน
- ร้อยละ 30 ของกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวานที่ผ่านการปรับเปลี่ยนสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตหรือน้ำตาลในเลือดได้
- ร้อยละ 80 ของสตรี อายุ 30 - 70 ปี ได้รับการตรวจเต้านมด้วยตนเองหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
- ร้อยละ 80 ของสตรีอายุ 30-60 ปีได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยวิธี Pap Smear
- ร้อยละ 100 ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหรือเบาหวานได่้รับการส่งเสริมสุขภาพ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 00:00 น.