โครงการเฝ้าระวังและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในประชากรกลุ่มป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ประจำปี 2563
ชื่อโครงการ | โครงการเฝ้าระวังและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในประชากรกลุ่มป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ประจำปี 2563 |
รหัสโครงการ | 63-L1475-01-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านมาบบอน |
วันที่อนุมัติ | 8 มกราคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2563 - 31 กรกฎาคม 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2563 |
งบประมาณ | 44,670.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางจิตรา ด้วงชู |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางวลัยภรณ์ เยาดำ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.532,99.71place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 268 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | ร้อยละของประชาชนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง | 1.00 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 5 โรค (โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง) ในปี 2561 สูงถึง 25,225 ล้านบาทต่อปี และเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง 2,465 ล้านบาทต่อปี ประมาณการจำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง 10 ล้านคน จะสูญเสียค่ารักษาทั้งสิ้น 79,263 ล้านบาทต่อปี ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของประชากร ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรผลต่อความยากจนทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และสังคม ดังนั้น การสนับสนุนให้ประชาชนเห็นความสำคัญใส่ใจในการดูแลสุขภาพของตนเองและรู้ค่าตัวเลขระดับความดันโลหิตสูงของตนเอง จะทำให้เกิดความตระหนักในการป้องกันควบคุมและลดความรุนแรงของโรคได้ ทั้งนี้ วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ (1) การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน มัน เค็มจัด (2) ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 150 นาทีต่อสัปดาห์ (3) งดการสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา (4) ควรรับการตรวจวัดค่าระดับความดันโลหิตเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ (5) การทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ (กรมควบคุมโรค, 2561) จากทะเบียนผู้ป่วยโรคเรื้อรังของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมาบบอน มีกลุ่มป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 100 คน คิดเป็นอัตราป่วย ร้อยละ 2,993.12 ต่อแสนประชากร, กลุ่มป่วยด้วยโรคเบาหวาน 24 คน คิดเป็นอัตราป่วยร้อยละ 718.35 ต่อแสนประชากร ดังนั้น ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขให้ได้ผลทั้งในเชิงป้องกันและแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จำเป็นต้องพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อ ค่านิยม และทักษะที่จำเป็นด้านสุขภาพ ตลอดจนการจัดปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ทั้งนี้หลักสำคัญในการดูแลสุขภาพเพื่อก้าวสู่การมีสุขภาพดี คือ การดูแลและให้ความรู้ด้านโภชนาการอาหาร การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกชนิด ปริมาณ และถูกเวลา ควรเลือกบริโภคอาหารให้ครบ ๕ หมู่ มีความหลากหลายและพอเพียง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อเฝ้าระวัง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนในประชากรกลุ่มป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและ เบาหวาน 2. เพื่อให้กลุ่มป่วยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
|
1.00 |
- สำรวจข้อมูลสุขภาพ จัดทำทะเบียน และฐานข้อมูลสุขภาพ
- เขียนโครงการ และกำหนดแผนปฏิบัติงาน
- ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายทราบ
- อบบรมให้ความรู้กลุ่มเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
- ติดตามประเมินผลกลุ่มป่วยหลังเข้าร่วมโครงการ จำนวน 2 ครั้ง (วันที่ 6 กรกฎาคม 2562 และ วันที่ 6 กันยายน 2562)
- ประชากรกลุ่มป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถป้องกันตนเองจากภาวะแทรกซ้อนได้อย่างถูกต้อง
- ประชากรกลุ่มป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและควบคุมความดันโลหิต ได้ดี
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2563 13:30 น.