โครงการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงด้วยการวัดความดันโลหิตที่บ้าน ปี 2563
ชื่อโครงการ | โครงการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงด้วยการวัดความดันโลหิตที่บ้าน ปี 2563 |
รหัสโครงการ | 63-L2503-01-04 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส |
วันที่อนุมัติ | 25 กุมภาพันธ์ 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 ตุลาคม 2562 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2563 |
งบประมาณ | 45,750.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นาง อัรรอฮะห์ มะเกะ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.291,101.641place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
คนไทยเป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่น้อยกว่า 12 ล้านคน แต่มีผู้เข้าถึงการรักษาและขึ้นทะเบียนเพียง 4 ล้านคน ซึ่งควบคุมความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ได้เพียงร้อยละ 29.7 แสดงให้เห็นว่า มาตรการป้องกันและควบคุมโรคความดันโลหิตสูงที่ผ่านมา ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ความดันโลหิตในคนไทยลดลง ยังเกิดโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น ที่ป่วยแล้วยังเข้าไม่ถึงบริการมากกว่าครึ่งตลอดจนการวินิจฉัยและการรักษาก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร การศึกษาในกลุ่มเสี่ยงไทยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงควบคุมไม่ได้ พบว่า การวัดความดันโลหิตที่บ้านช่วยให้อัตราการควบคุมความดันโลหิต ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า ร้อยละ 50 และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่วัดค่าความดันโลหิตที่บ้าน ช่วยลดระดับความดันโลหิต ได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4-8 มม.ปรอท ในเวลา 1 ปี เมื่อเทียบกับการวัดความดันโลหิตที่โรงพยาบาล ดังนั้นการวัดความดันโลหิตที่บ้าน (Home Blood Pressure Monitoring: HBPM) จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ควบคุมความดันโลหิต ไม่ได้ตามเกณฑ์ จากการตรวจคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเฉลิม ในปี 2562 พบกลุ่มสงสัยป่วยโรคความดันโลหิตสูง (ค่าระดับความดันโลหิต มากกว่าหรือเท่ากับ 130 ถึง น้อยกว่า 140 mmHg หรือ dbp มีค่า มากกว่าหรือเท่ากับ 85 ถึง น้อยกว่า 90 mmHg) จำนวน 289 คน จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 1,088 คน คิดเป้นร้อยละ 26.5 กลุ่มนี้จึงจำเป็นต้องได้รับการติดตามวัดความดันโลหิตที่บ้านโดยอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ต่อเนื่องเป้นเวลา 7 วัน โดยวัดตอนตื่นนอนตอนเช้า 2 ครั้ง และก่อนเข้านอน 2 ครั้ง เอาค่าที่ได้มาเฉลี่ย หากยังเกิน 130/90 มิลลิเมตรปรอท จะต้องส่งพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป เพราะหากปล่อยไว้จะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ ซึ่งมีผลต่อการเสียชีวิตอันดับต้นๆ เกิดภาวะพิการเป็นภาระในทุกมิติทั้งกาย จิต สังคม เศรษฐกิจต่อทั้งผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศชาติ ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเฉลิม จึงจัดทำโครงการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงด้วยการวัดความดันโลหิตที่บ้าน โดยอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เพื่อดำเนินการควบคุมกลุ่มเสี่ยงด้วยโรคความดันโลหิตสูง ตามเกณฑ์การดูแลสุขภาพ "ใกล้บ้าน ใกล้ใจ"
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย รักษาและติดตามค่าความดันโลหิตในกลุ่มเสี่ยงที่มีความดันโลหิตสูง 2. เพื่อปรับเลี่ยนพฤติกรรม การใช้ยา และติดตามผลของการใช้ยาและปรับพฤติกรรม 3 อ. 2 ส. เพื่อควบคุมระดับความดันโลหิต ร้อยละของการควบคุมค่าความดันโลหิต 95 |
289.00 |
รวมทั้งสิ้น | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 | 0.00 |
ขั้นดำเนินการ 1. ผู้รับผิดชอบโครงการ/คณะกรรมการดำเนินงาน จัดทำปฏิทินดำเนินงาน 2. กำหนดวันประชุม ประสานประชาชนกลุ่มเสี่ยงเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ จัดเตรียมสถานที่ เอกสารประกอบการประชุม ข้อมูลสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD กลุ่ม HT, DM) 3. ดำเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการแก่กลุ่มเสี่ยงด้วยโรคความดันโลหิตสูง โดยมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แนะนำและสอนให้ผู้ป่วยวัดความดันโลหิตด้วยที่บ้านโดยอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) 3 ขั้นตอน : คุยความรู้ ปรับพฤติกรรม และอยู่อย่างยั่งยืน) 4. ประสานความร่วมมือกับ อสม. ติดตามและช่วยเหลือผู้ป่วยวัดความดันโลหิต โดยให้บันทึกค่าความดันโลหิตที่วัดได้ในช่วงเช้าและก่อนนอนทุกวันเป็นเวลา 7 วัน หรืออย่างน้อย 5 วัน และส่งผลการบันทึกข้อมูลให้ผู้รับผิดชอบงาน NCD กลุ่ม HT,DM ของ รพ.สต.เฉลิม เพื่อปรึกษาหรือส่งต่อพบแพทย์ตามมาตรฐาน 5. ผู้รับผิดชอบงาน ส่งข้อมูลให้ทีมแพทย์โรงพยาบาลระแงะ ตรวจสอบค่าความดันโลหิต ซักถามประวัติ วินิจฉัยหาสาเหตุ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และให้การรักษา เพื่อควบคุมความดันโลหิต 6. สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ส่งกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลเฉลิม
กลุ่มเสี่ยงด้วยโรคความดันโลหิตสูง ที่ได้รับการติดตามโดยอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) อย่างน้อย 7 วัน ได้รับการวินิจฉัย รักษา เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเหมาะสมและกลุ่มป่วยติดตามผลการใช้ยาและปรับพฤติกรรม 3 อ. 2 ส. เพื่อควบคุมค่าความดันโลหิต ร้อยละ 95
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2563 10:07 น.