โครงการส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากกลุ่มผู้สูงอายุ ตำบลลิพัง ปี 2560
ชื่อโครงการ | โครงการส่งเสริมป้องกันโรคในช่องปากกลุ่มผู้สูงอายุ ตำบลลิพัง ปี 2560 |
รหัสโครงการ | 60-L1486-1-07 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลิพัง |
วันที่อนุมัติ | 12 เมษายน 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2560 - 30 กันยายน 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 26,050.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวสภาวรรณ ชัยศิริ นักวิชาการสาธารณสุข |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางประจวบ ชัยเกษตรสิน |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลลิพัง อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.184,99.81place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 80 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : ระบุ |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัญหาหลักในผู้สูงอายุคงเป็นการสูญเสียฟัน ผู้สูงอายุ 60-75 ปี ร้อยละ 88.3 มีการสูญเสียฟันบางส่วนและร้อยละ7.2 สูญเสียฟันทั้งปาก และการสูญเสียฟันยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามอายุจนเมื่ออายุ 80-89 ปี พบสูญเสียฟันทั้งปากสูงถึงร้อยละ 32.2 ความต้องการใส่ฟันเทียมทั้งปากในผู้สูงอายุ60-47 ปี ลดลงร้อยละ4.1 ในการสำรวจครั้งที่ 6 เป็นร้อยละ 2.5 ทั้งนี้อาจจะเนื่องมากจาการรณรงค์ใส่ฟันทั้งปากเพื่อการเคี้ยวอาหารอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบันผูั้สูงอายุ 60-74 ปี ร้อยละ 57.8 มีฟันแท้ใช้งานได้อย่างน้อย 20 ซี่ เฉลี่ย 18.8 ซี่ต่อคน ร้อยละ 43.3 มีฟันหลังสบกันอย่างน้อย 4 คู่สบส่วนในกลุ่มอายุ80-89 ปี มีเพียงร้อยละ 23.5 ที่มีฟันแท้ใช้งานได้อย่างน้อย 20 ซี่ และมีฟันหลังที่ใช้บดเคี้ยวสบกันอย่างน้อย 4 คู่สบ เพียงร้อยละ 15.6 แสดงให้เห็นถึง ประสิทธิภาพ การบดเคี้ยวที่ลดลงชัดเจน แม้จำนวนฟันแท้ใช้งานในกลุ่มผู้สูงอายุตอนต้นจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนๆ แต่ฟันแทเที่เหลืออยู่ยังมีรอยโรคและความผิดปกติในช่องปากที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลที่เหมาะสมเพื่อป้องกันและชะลอความเจ็บปวดและการสูญเสียฟันที่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีิวตของผู้สูงอายุ ได้แก่โรคปริทันต์อักเสบที่มีการทำลายกระดูกรองรับรากฟันร่วม พบร้อยละ32.1 โดยร้อยละ 11.4 เป็นโรคปริทันต์อักเสบที่อยู่ในระดับรุนแรง เสี่ยงการอักเสบปวดบวมฟันโยกและสูญเสียฟันการรับบริการรักษาตั้งแต่แรกจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นลดการสูญเสียฟันพร้มการใส่ฟันบางส่วนและทั้งปากเพื่อทดแทนที่สูเสียไปขณะเเดียวกันในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้มีการเชื่อมเครือข่ายระบบบริการ และการสนับสนุนการจัดบริการใส่ฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุทั่วประเทศ จำรวน กว่้า 10,000 ราย ในโครงการฟันเทียมใพระราชการทานโดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ภายใต้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งตอบสนองความทต้องการเร่งด่วนของผู้สูงอายุ
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อเป็นการพัฒนารูปแบบการให้บริการเชิงรุกแก่ผู่สูงอายุของานทันตกรรม ให้ผู้สูงอายุได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและได้รับบริการทันตกรรมที่เหมาะสมร้อยละ 80 |
||
2 | เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและรักษาสุขภาพช่องปาก ผู้สูงอายุได้รับบริการใส่ฟันเทียมพระราวชทานร้อยละ 80 จากกลุ่มเป้าหมาย |
||
3 | ผู้สูงอายุได้ทำฟันเทียมพระราชทาน สมาชิกชมรมผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก 1 ชมรม |
รวมทั้งสิ้น | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 | 0.00 |
1.คัดกรองผู้สูงอายุ ตามแบบฟอร์มคัดกรองผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุทั้งหมด 300 คน 2.อบรมผู้สูงอายุที่ผ่านการการประเมินตามแบบคัดกรอง 3.ตรวจสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ 80 คน 4.บริการทันตกรรมที่เหมาะสมผู้สูงอายุ 5.ส่งต่อผู้สูงอายุตามโครงการฟันเทียมพระราชทาน
1.ผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุตำบลลิพัง ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและได้รับบริการทันตกรรมที่เหมาะสมร้อยละ 80 2.ผู้สูงอายุได้รับฟันเทียมพระราชทานร้อยละ 80ของกลุ่มเป้าหมาย 3.ชมรมผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปาก จำนวน 1 ชมรม
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2560 16:07 น.