โครงการ ใส่หมวก ใส่แมส ป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และป้องกันการบาดเจ็บและเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้การสร้างวินัยจราจร ในชุมชนบ้านฝาละมี
ชื่อโครงการ | โครงการ ใส่หมวก ใส่แมส ป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และป้องกันการบาดเจ็บและเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้การสร้างวินัยจราจร ในชุมชนบ้านฝาละมี |
รหัสโครงการ | 63-l3338-02-08 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ชมรม อสม.บ้านฝาละมี |
วันที่อนุมัติ | 7 สิงหาคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 7 สิงหาคม 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 14,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางบุญพา พรหมแก้ว |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.371,100.261place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 0.00 | |||||
รวมงบประมาณ | 0.00 |
คำเตือน : รวมงบประมาณของทุกงวด (0.00 บาท) ไม่เท่ากับ งบประมาณโครงการ (14,000.00 บาท)
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคไวรัสโรโลน่าระบาดหนักในประเทศไทยและทั่วโลกซึ่งการที่ประชาชนมีพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นการช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่ง และจากสวมหมวกนิรภัยจะเป็นการช่วยลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งร้อยละ 99 สาเหตุเกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย โดยรายงานของสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ยังเผยว่า มีเด็กไทยเพียง 7% เท่านั้นที่ใส่หมวกนิรภัยระหว่างการเดินทาง ซึ่งอัตราการใช้หมวกนิรภัยจำนวนน้อยนี่เอง สะท้อนให้เห็นถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าภัยอันตรายรอบตัวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดฝัน และเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่พ่อแม่และผู้ปกครองหลายๆ คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการให้บุตรหลานสวมใส่หมวกนิรภัยขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ แล้วก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่แม้จะสวมหมวกนิรภัยให้เด็ก แต่กลับไม่รู้ว่าจะเลือกใช้หมวกนิรภัยที่มีคุณภาพ มีขนาดพอดีกับศีรษะเด็ก และจะสวมใส่หมวกนิรภัยให้เด็กอย่างถูกวิธีได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยและได้มาตรฐาน รวมถึงการเรียนรู้วิธีการใช้ถนนอย่างถูกต้อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการป้องกันและสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ถูกต้องในการใช้ถนน การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง ให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้หมวกนิรภัย พร้อมอบรมการใช้งานที่ถูกวิธี ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในการช่วยลดจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ถือเป็นอนาคตของชาติ
จังหวัดพัทลุง มีอัตราการสวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 26 บ้านฝาละมี หมู่ที่ 1 ตำบลฝาละมี มีจำนวนครัวเรือน 371 ครอบครัว ซึ่งไม่ค่อยสวมหมวกนิรภัย ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกคนสวมหมวกนิรภัย ชมรม อสม.บ้านฝาละมี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนของชุมชน โดยการจัดอบรมด้านความปลอดภัยทางท้องถนน และการสาธิตใช้หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธีให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยเน้นให้เป็นประชาคมหมู่บ้าน และหวังจะลดจำนวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กไทยจากอุบัติเหตุทางถนน ประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า การใส่หน้ากากอนามัยและการใส่หมวกนิริภัยก่อนการขับรถออกจากบ้านจะเป็นการป้องก้นโรคได้
ดังนั้น การสร้างพฤติกรรมใส่แมส ใส่หมวก ก่อนออกจากบ้านและขับมอเตอร์ไซด์ จะช่วยป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ พร้อมชุมชนมีมาตรการในการควบคุมโรค
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1 เพื่อส่งเสริมการสวมหน้ากากอนามัย และหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์
|
100.00 | |
2 | 2 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบวินัยจราจร รวมถึงการมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้รถใช้ถนน และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตลอดถึงการสวมหน้ากากอนามัย
|
100.00 | |
3 | 3 เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนและลดการติดเชื้อโรคโคโรน่าไวรัส
|
0.00 | |
4 | 4 การประเมินการใช้หมวกนิรภัย/การสวมหน้ากากอนามัย
|
100.00 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
24 ก.ย. 63 | เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ในการดำเนินโครงการ | 100 | 10,700.00 | ✔ | 10,700.00 | |
25 ก.ย. 63 | จัดทำข้อตกลงระหว่างผู้ร่วมโครงการ นายก อบต. สาธารณสุขอำเภอ | 100 | 300.00 | ✔ | 300.00 | |
28 ก.ย. 63 | อบรมให้ความรู้ | 100 | 3,000.00 | ✔ | 3,000.00 | |
รวม | 300 | 14,000.00 | 3 | 14,000.00 |
- ประชุมคณะทำงาน เพื่อทำข้อตกลงระหว่างผู้เข้าร่วมโครงการเป็นมาตรการของชุมชน.
- เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ในการดำเนินโครงการ
- จัดอบรมให้ความรู้
3.1 การใช้ถนนอย่างถูกต้อง
3.2 การเลือกใช้หมวกนิรภัยและหน้ากากอนามัย
3.3 การสวมใส่หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธีและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- การสาธิตใช้หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี
- การสาธิตการใส่หน้ากากอนามัย
- ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
อสม.สุ่มประเมินพฤติกรรมสัปดาห์ พร้อมสรุปและรายงานผล ภายใน 30 วันหลังเสร็จสิ้นโครงการ
ผลผลิต 1. ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากอนามัยทุกคนและสวมหมวกนิรภัย 2. ประชาชนมีทักษะ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคโคโรน่า และเคารพกฎระเบียบวินัยจราจร และการใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัย ร้อยละ 100 ผลลัพธ์ ประชาชน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบวินัยจราจร รวมถึงการมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้รถใช้ถนน อันจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาจราจร และช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ใช้รถใช้ถนน โดยการสวมใส่หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ จำนวนครั้งเกิดอุบัติเหตุลดลง และลดอัตราการบาดเจ็บ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2563 11:13 น.