โครงการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดของเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงและผู้บริโภค ปีงบประมาณ 2563
ชื่อโครงการ | โครงการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดของเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงและผู้บริโภค ปีงบประมาณ 2563 |
รหัสโครงการ | 63-L5170-1-02 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกลาง |
วันที่อนุมัติ | 24 กรกฎาคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 24 กรกฎาคม 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 15,400.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกลาง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลควนโส อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.229,100.402place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ประชากรไทยมีอาชีพพื้นฐานอยู่ในภาคเกษตรกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบผู้มีรายได้น้อย แต่ทำงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพจากสภาพภูมิอากาศที่ร้อนจัด ท่าทางการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการปวดหลังและกล้ามเนื้ออักเสบ รวมทั้งการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมีพิษทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรังตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิต ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง โดยการสัมผัสทางผิวหนังที่ไม่สวมถุงมือและรองเท้าบู๊ท ป้องกันขณะทำงานกับสารเคมี การสูดหายใจละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ และการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีสารเคมีปนเปื้อน พฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจาดสารเคมีเพิ่มขึ้นยกตัวอย่างเช่น ใช้ถังภาชนะบรรจุสารเคมีที่รั่วซึม ฉีดพ่นสวนทิศทางลมทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มสารเคมีโดยไม่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ซึมเปื้อนทันที เป็นต้นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถทำอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ทั้งมนุษย์ และสัตว์ กล่าวคือ จะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอด สมอง ผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ประชากรประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำนา ทำไร่ ทำสวนผลไม้และสวนยางพารา ผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการควบคุมและกำจัดศัตรูพืช จึงกระจายและขยายเป็นวงกว้าง และยังอยู่ในระดับที่รุนแรงและสูง จากการเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักระบาดวิทยา พบว่าระหว่างปี พ.ศ. 2546-2555 มีรายงานผู้ป่วยได้รับสารพิษจากสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ทั้งสิ้น 17,340 ราย มีรายงานเฉลี่ยปีละ 1,734 ราย อัตราป่วย 2.35 ต่อประชากรแสนคนซึ่งนอกจากจะพบรายงานมากในกลุ่มเกษตรกรแล้ว ยังพบการรายงานการได้รับพิษในเด็กเล็ก ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เช่น การเก็บในที่ไม่ปลอดภัย การทิ้งภาชนะบรรจุไม่ถูกวิธี หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น ในปีงบประมาณ 2559 มีเกษตรกรที่ได้รับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงด้วยกระดาษ Reactive paper จำนวนทั้งสิ้น 418,672 คน พบผู้ที่ผลเลือดมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย จำนวน 153,905 คนคิดเป็น ร้อยละ 36.76 จากข้อมูลดังกล่าว ยังคงมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในการนำมาใช้นั้น ได้มีการใช้อย่างไม่ถูกวิธีและขาดความรู้ ขาดความตระหนักถึงโอกาสเสี่ยงในการได้รับอันตรายจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและการป้องกัน จึงทำให้ผลกระทบกับด้านสุขภาพโดยตรง ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกลาง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงและผู้บริโภคจึงได้จัดทำโครงการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือดของเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงและผู้บริโภคขึ้น เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงและผู้บริโภค ความรู้ความตระหนักถึงโอกาสเสี่ยงในการได้รับอันตรายจาดสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและได้รับการตรวจสุขภาพ เจาะเลือด เพื่อดูว่าปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดอยู่ในระดับใด โดยการเจาะเลือดการะดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส เพื่อทำการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจคัดกรองและประเมินความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร
|
0.00 | |
2 | เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู็และตระหนักถึงอันตรายในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
|
0.00 | |
3 | เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สารเคมีที่ถูกต้อง
|
0.00 |
รวมทั้งสิ้น | 0 | 0.00 | 0 | 0.00 | 0.00 |
1.สำรวจข้อมูลกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ 2.จัดทำแผนงานโครงการและขออนุมัติ 3.ประสานผู้เกี่ยวข้องในการมีส่วนร่วมเพื่อรับทราบและร่วมกันวางแผนในการดำเนินงาน 4.จัดทำเอกสารแผ่นพับประกอบความรู้ 5.ดำเนินการตามโครงการ 5.1 จัดทำหนังสือเชิญกลุ่มเป้าหมาย 5.2 ประชาสัมพันธ์ช่าวสารแก่ผู้สนใจ เช่น กลุ่มผู้บริโภคผัก ผลไม้ หรือกลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูกที่มีการฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืชเป็นประจำ 5.3 ประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกร ตามแบบ นบก.1-56 5.4 ตรวจเลือดเพื่อหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส 5.5 อบรมให้ความรู้ ให้คำแนะนำ เรื่องการป้องกันอัันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 5.6 มอบป้ายไวนิลรณรงค์ลด ละ เลิก การใช้สารเคมี แก่พื้นที่รับผิดชอบทั้ง 5 หมู้บ้าน 5.7 สรุปผลการตรวจเลือดเกษตรกรและผู้บริโภค 5.8 จัดทำหนังสือแจ้งผลการตรวจเลือด พร้อมวิธีการดูแลสุขภาพและพฤติกรรมที่เหมาะสมในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัย 6. ติดตามกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเข้ารับการตรวจซ้ำ และส่งต่อเพื่อการรักษาในกรณีที่มีอาการรุนแรง 7.สรุปโครงการและรายงานผลการดำเนินโครงการ
1.กลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจคัดกรองและประเมินความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร 2.กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ในและเข้าใจอันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3. กลุ่มเป้าหมายสามารถป้องกันตัวเองได้ถูกต้องหากมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 14:24 น.