กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

tune

โครงการส่งเสริมกิจกรรมทางกายผู้สูงอายุ ตำบลแม่ยางร้อง ปีงบประมาณ 2565

แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.แม่ยางร้อง

1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม

โครงการส่งเสริมกิจกรรมทางกายผู้สูงอายุ ตำบลแม่ยางร้อง ปีงบประมาณ 2565

ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา

กองทุนสุขภาพตำบล อบต.แม่ยางร้อง

ชมรมผู้สูงอายุตำบลแม่ยางร้อง

นายประสงค์ พอสม และคณะ

หมู่ที่ 1,3,5 ตำบลแม่ยางร้อง

2. ความสอดคล้องกับแผนงาน

แผนงานกิจกรรมทางกาย

3. สถานการณ์

สถานการณ์ปัญหาขนาด
1 ร้อยละของผู้สูงอายุ 65 ปี ขึ้นไป ที่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ (ระดับปานกลาง อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์)

 

45.14
2 ร้อยละของการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สาธารณะในการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน

 

50.00
3 ร้อยละของคนที่มีการสัญจรโดยการเดินหรือใช้จักรยานในชุมชน

 

34.92

กิจกรรมทางกาย (Physical Activity) เป็นการเคลื่อนไหวหรือการออกแรง ของร่างกายในการทำ กิจกรรมรูปแบบต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ๑) การทำงาน/ งานบ้าน ๒) การเดินทาง ๓) การมีกิจกรรมนันทนาการกีฬา และการออกกำลังกาย การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในมิติของการป้องกันโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ
ทั้งนี้ในแต่ละวันสามารถแบ่งการมีกิจกรรมทางกายออกเป็นช่วงเวลาต่างๆ แล้วนำ มานับรวมกันได้โดยในแต่ละช่วงเวลาย่อยๆ นั้น จะต้องมีระยะเวลาของการ มีกิจกรรมทางกายติดต่อกันอย่างน้อย ๑๐ นาทีขึ้นไป ถึงจะพอเพียงให้มีการกระตุ้น การทำงานของหัวใจและการไหลเวียนของเลือด ดังตัวอย่างการแบ่งการมีกิจกรรม ทางกายในวัยผู้ใหญ่ เช่น การมีกิจกรรมทางกายช่วงเช้าด้วยการเดินอย่างเร็วมา ทำงาน ระยะเวลา ๑๕ นาที ช่วงเที่ยงเดินเร็วๆ ไปรับประทานอาหารระยะเวลา ๑๐ นาทีช่วงเย็นเลิกงานเดินกลับบ้านระยะเวลา ๑๕ นาทีจะได้กิจกรรมทางกายระดับ ๗ ปานกลางจากการเดินเร็วรวม ๔๐ นาทีใน ๑ วัน หากทำ เช่นนี้ทุกวันทำ งาน ก็จะทำ ให้มีกิจกรรมทางกายถึง ๒๐๐ นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งจากตัวอย่างการมีกิจกรรม ทางกายข้างต้นในวัยผู้ใหญ่ นับว่ามีความเพียงพอ และหากจะให้มีสุขภาพดีมากขึ้น ก็อาจมีการออกกำลังกายระดับหนักร่วมด้วย นอกจากนี้ การออกกำ ลังกล้ามเนื้อ ส่วนอื่นให้มีการยืดเหยียดเพิ่มขึ้นด้วยการแอโรบิกในวันศุกร์อีก ๖๐ นาทีหรือการเล่น ไทเก็กอีก ๖๐ นาทีก็จะเป็นการเพิ่มการทรงตัวและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการช่วยเดิน
จากการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์กิจกรรมทางกายระดับประเทศ ที่ผ่านมาโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับ สสส. และกระทรวงสาธารณสุข แสดงให้เห็นว่าในภาพรวมระดับประเทศทิศทางการมี กิจกรรมทางกายของคนไทยมีแนวโน้มโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น คือจากร้อยละ ๖๖.๓๐ ในปี ๒๕๕๕ (ปีฐานของการสำ รวจ) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๗๔.๖๐ ในปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๖๒) เมื่อพิจารณาตามกลุ่มช่วงวัย พบว่าในภาพรวม มีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทุกกลุ่ม อายุยกเว้นกลุ่มวัยทำงานที่มีการลดลงของระดับการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ และด้วยสัดส่วนของประชากรวัยทำงานที่เป็นกลุ่มส่วนใหญ่จึงทำ ให้อัตราการเพิ่มของระดับการมีกิจกรรมทางกายในภาพรวมไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แม้จะพบว่ากลุ่มประชากรอีก ๓ กลุ่มที่เหลือคือวัยเด็ก วัยรุ่น และวัยสูงอายุจะมีการเพิ่มขึ้น เฉลี่ยสูงถึง ร้อยละ ๓ ถึงร้อยละ ๔โดยกลุ่มประชากรวัยเด็กเป็นกลุ่มประชากรที่มีการเพิ่มขึ้น ของการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่นๆ
อย่างไร ก็ตาม แม้กิจกรรมทางกายจะเพิ่มขึ้นในเชิงบวก แต่ด้วยสถานการณ์มลภาวะทางอากาศ จากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ และการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ ในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตทำ ให้สถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอของคนไทยลดลงไปประมาณร้อยละ ๑๑.๖ ทำ ให้ระดับการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอของคนไทยในปี๒๕๖๓ มีประมาณร้อยละ๕๕.๕เท่านั้น(แผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย สสส., ๒๕๖๔)
จากการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุตำบลแม่ยางร้อง จำนวน ๒๓๗ คนพบว่า มีผู้สูงอายุที่มีกิจกรรมทางกายในระดับพอเพียง คือมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงหนัก อย่างน้อย ๑๕๐ นาทีต่อสัปดาห์หรือ๓๐ นาทีต่อวันสัปดาห์ละอย่างน้อย ๕ วัน จำนวน๖๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๑๖ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำซึ่งการมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ มีความสัมพันธ์กับภาวะอ้วนลงพุง และการเจ็บป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อ (NCDs) โดยมีโอกาสเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจร้อยละ ๓๐ โรคเบาหวาน ร้อยละ ๒๗ โรคมะเร็งลำ ไส้ร้อยละ ๒๕ โรคมะเร็งเต้านมร้อยละ ๒๑ โรคหลอดเลือดหัวใจ ร้อยละ ๖ และมีโอกาสเสี่ยงต่อการตายสูงถึงร้อยละ ๒๐-๓๐ ส่วนพฤติกรรมเนือยนิ่ง ก็มีความสัมพันธ์กับอัตราการตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคเบาหวานเป็นต้น
ชมรมผู้สูงอายุตำบลแม่ยาง จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมกิจกรรมทางกายวัยสูงอายุ ตำบลแม่ยางร้องแม่ยางร้อง
ปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ขึ้นเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมสำหรับวัยสูงอายุ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสมดุลและป้องกันการหกล้ม เพิ่มความคล่องแคล่วและเสริมทักษะในการดูแลตัวเอง

ระบุสถานการณ์ หลักการและเหตุผล หรือ ที่มาของการทำโครงการ เพิ่มเติม

4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด

  • บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
  • ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ / ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดเป้าหมาย 1 ปี
1 เพิ่มการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในผู้สูงอายุ

ร้อยละของผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ (ระดับปานกลางอย่างน้อยที่สุด 150 นาทีต่อสัปดาห์)

45.14 60.00
2 เพิ่มพื้นที่สาธารณะที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน

ร้อยละของการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สาธารณะที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน

50.00 60.00
3 เพิ่มการสัญจรโดยการเดินหรือใช้จักรยานในชุมชน

ร้อยละของคนที่มีการสัญจรโดยการเดินหรือใช้จักรยานในชุมชน

34.92 50.00

5. กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
กลุ่มวัยทำงาน
กลุ่มผู้สูงอายุ 237
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]

6. ระยะเวลาดำเนินงาน

วันเริ่มต้น : 01/02/2022

กำหนดเสร็จ : 30/09/2022

7. วิธีการดำเนินงาน

  • กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
  • งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด

กิจกรรมที่ 1 อบรมให้ความรู้แกนนำ

ชื่อกิจกรรม
อบรมให้ความรู้แกนนำ
รายละเอียดกิจกรรม/งบประมาณ/อื่นๆ

1.เรื่องความสำคัญของการมีกิจกรรมทางกาย 2.เรื่องการใช้คู่มือส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย 3.เรื่องการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ 4.การฝึกรำไม้พลองแม่บุญมี งบประมาณ 1.ค่าอาหารว่างและเครื่องดืม จำนวน 30 คน ๆ ละ 50 บาท เป็นเงิน 1,500 บาท 2.ค่าอาหารกลางวัน จำนวน 30 คน ๆ ละ 60 บาท เป็นเงิน 1,800 บาท 3.ค่าวิทยากร จำนวน 6 ชั่วโมง ๆ ละ 300 บาท เป็นเงิน 1,800 บาท 4.ค่าป้ายโครงการ 1 ผืน ๆ ละ 540 บาท เป็นเงิน 540 บาท 5.ค่าคู่มือส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับผู้สูงอายุ จำนวน 237 เล่ม ๆ ละ 25 บาท เป็นเงิน 5,925 บาท รวมเป็นเงิน 11,465 บาท

ระยะเวลาดำเนินงาน
1 กุมภาพันธ์ 2565 ถึง 30 กันยายน 2565
ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)

แกนนำทั้ง 30 ตน มีความรู้
1.เรื่องความสำคัญของการมีกิจกรรมทางกาย 2.เรื่องการใช้คู่มือส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย 3.เรื่องการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ 4.การฝึกรำไม้พลองแม่บุญมี
และเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ และเป็นผู้นำการออกกำลังกายด้วยไม้พลองแม่บุญมีให้กับผู้สูงอายุได้

จำนวนเงินงบประมาณของกิจกรรม (บาท)
11465.00

กิจกรรมที่ 2 แกนนำ รณรงค์ส่งเสริมการเพิ่มกิจกรรมทางกายแก่ผู้สูงอายุในชุมชน

ชื่อกิจกรรม
แกนนำ รณรงค์ส่งเสริมการเพิ่มกิจกรรมทางกายแก่ผู้สูงอายุในชุมชน
รายละเอียดกิจกรรม/งบประมาณ/อื่นๆ
  • จัดกิจกรรมออกกำลังโดยการรำไม้พลอง  ทุกวัน   เวลา17.00น.-17.30 น.
  • ส่งเสริมผู้สูงอายุที่สัญจร โดยการเดินหรือใช้จักรยาน ไปทำบุญทุกวันพระ
  • ส่งเสริมการใช้พื้นที่ส่วนรวมเพื่อสาธิตการปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ
ระยะเวลาดำเนินงาน
1 กุมภาพันธ์ 2565 ถึง 30 กันยายน 2565
ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)

ผู้สูงอายุได้ออกกำลังโดยการรำไม้พลอง  ทุกวัน   เวลา17.00น.-17.30 น. ผู้สูงอายุสัญจร โดยการเดินหรือใช้จักรยาน ไปทำบุญทุกวันพระ
ผู้สูงอายุได้ใช้พื้นที่ส่วนรวมเพื่อสาธิตการปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ

จำนวนเงินงบประมาณของกิจกรรม (บาท)
0.00

งบประมาณโครงการ

จำนวนงบประมาณที่ต้องการสนับสนุน จำนวน 11,465.00 บาท

หมายเหตุ :

8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง

ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

1.ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ(ระดับปานกลางถึงมาก อย่างน้อย 150 นาที ต่อสัปดาห์)
2.เพิ่มพื้นที่สาธารณที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน
3.เพิ่มการสัญจรโดยการเดินหรือใช้จักรยานในชุมชน


>