กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

tune

โครงการส่งเสริมการฝึกปฎิบัติการดูแลผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน

แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ

1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม

โครงการส่งเสริมการฝึกปฎิบัติการดูแลผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน

ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา

โรงพยาบาลน่าน กลุ่มงานเวชกรรมสังคม

แพทย์หญิงรวิพร เจริญสวัสดิ์
นายแพทย์ธัชวิทย์ สุธรรม
นางสาวสรรสนีย์จันทร์มา
นางอมรสีห์ วงศ์วิเศษ
นายจตุพร มหานิล

โรงพยาบาลน่าน

2. ความสอดคล้องกับแผนงาน

แผนงานผู้สูงอายุ

3. สถานการณ์

สถานการณ์ปัญหาขนาด
1 จำนวนผู้ช่วยเหลือ (CG) ที่มีทักษะการดูเเลและช่วยเหลือผู้สูงอายุในชุมชน (คน)

 

150.00

หลักการเหตุผล
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง (Palliative care) เป็นการดูแลสุขภาพองค์รวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณ อนึ่งคำว่า “ชีวาภิบาล” เป็นการสมาสคำสองคำ คือ “ชีวา” หรือชีวิต กับ “อภิบาล” คือ การบำรุง ดูแลอย่างรอบด้าน เมื่อรวมกันจึงเป็นคำว่า “ชีวาภิบาล” ซึ่งหมายถึง การบำรุงดูแลชีวิตสำหรับผู้ป่วยที่ประสบโรคคุมคามต่อชีวิต ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถเผชิญความเจ็บปวด และเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสภาพความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ด้วยความคาดหวังให้มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดตามบริบทของครอบครัวและชุมชน
การสร้างความตระหนักแก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับความต้องการได้รับการดูแลของผู้ป่วยระยะสุดท้าย มีการให้ความรู้/ชี้แจงแนวทางระบบบริการ ในโรงพยาบาล โรงพยาบาลชุมชนและเครือข่ายรพ.สต ให้ความรู้เบื้องต้นในการดูแลแบบประคับประคอง การบริหารยาด้วยวิธีการรับประทาน การบริหารยาด้วยนวัตกรรมการให้ยาใต้ผิวหนังที่บ้าน ปัจจุบันในปีงบ 2566 มีผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียน Palliative ทั้งหมด 587 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2566) และได้มีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับการประเมิน/รับรู้ความต้องการของผู้ป่วยระยะสุดท้าย พบว่าการประเมิน/รับรู้ความต้องการของผู้ป่วยระยะสุดท้ายยังไม่ครอบคลุม ได้มีการทบทวนร่วมกันของทีมงานเรื่องการประเมินผู้ป่วยเป็นองค์รวม มีการออกแบบการให้ความช่วยเหลือเท่าที่เป็นไปได้ รวมถึงการเตรียมตัวของผู้และญาตินการเผชิญกับความตายอย่างสมศักดิ์ศรีและการตัดสินใจที่จะไม่ยืดเยื้อชีวิตด้วยเครื่องพยุงชีพ

โรงพยาบาลน่าน โดยหน่วยบริบาลบรรเทา กลุ่มงานเวชกรรมสังคมมีประวัติการเริ่มต้นดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วยศาสตร์การดูแลแบบประคับประคองตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 โดยให้การดูแลทั้ง 3 ส่วน คือ การดูแลผู้ป่วยนอก การดูแลผู้ป่วยใน และการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ซึ่งจำนวนผู้ป่วยระยะท้ายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีแปรผันตรงกับสัดส่วนผู้สูงอายุในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องเร่งรัดปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อช่วยให้ความรู้เชิงทฤษฏีและเชิงปฏิบัติแก่ครอบครัวผู้ป่วย หน่วยบริบาลบรรเทาจึงเห็นควรให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมความมั่นใจในมาตรฐานการดูแลภายในครอบครัวและชุมชนของตน โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้
1.การสื่อสารกับผู้ป่วยระยะท้าย
2.การจัดการอาการรบกวนที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยระยะท้ายเบื้องต้นด้วยผู้ดูแล
3.การจัดทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพื่อการยื้อชีวิต

ระบุสถานการณ์ หลักการและเหตุผล หรือ ที่มาของการทำโครงการ เพิ่มเติม

4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด

  • บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
  • ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ / ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดเป้าหมาย 1 ปี

วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและจิตอาสาภายในชุมชนที่ดูแลผู้ป่วยระยะท้าย รวมทั้งญาติผู้ป่วยผู้สูงอายุและประชาชนผู้สนใจในเขตเทศบาลเมืองน่านมีความรู้ และสามารถสื่อสารกับผู้ป่วยระยะท้ายได้อย่างเหมาะสม
2. กลุ่มเป้าหมายเข้าใจการให้ยากลุ่มโอปิออยด์ชนิดออกฤทธิ์แรงเพื่อบรรเทาอาการรบกวนแก่ผู้ป่วยระยะท้าย
3.กลุ่มเป้าหมายเข้าใจการจัดทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขในระยะสุดท้าย ตามมาตรา 12 พรบ. สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลระดับจังหวัด เจ้าหน้าที่ระดับชุมชน เจ้าหน้าที่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. ญาติผู้สูงอายุและประชาชนผู้สนใจในจังหวัดน่าน สามารถความเข้าใจ มีทัศนคติที่ดีเรื่องการสื่อสารและเรื่องการจัดการอาการและวางแผนระยะท้ายผ่านแบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 จากก่อนและหลังการเข้ารับการอบรม
2. กลุ่มเป้าหมายที่เข้าการอบรมมีความสามารถในการถ่ายทอด ความรู้ การสื่อสารและเรื่องการจัดการอาการและวางแผนระยะท้าย ผ่านการนำเสนอทางวาจาหลังจากสรุปการอบรม
3.กลุ่มเป้าหมายสามารถเขียนหรือสามารถอธิบายแนวทาง หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขในระยะสุดท้าย ตามมาตรา 12 พรบ. สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550

5. กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
กลุ่มวัยทำงาน
กลุ่มผู้สูงอายุ 200
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]

6. ระยะเวลาดำเนินงาน

วันเริ่มต้น : 01/03/2024

กำหนดเสร็จ : 30/09/2024

7. วิธีการดำเนินงาน

  • กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
  • งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด

กิจกรรมที่ 1 โครงการส่งเสริมการฝึกปฎิบัติการดูแลผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน

ชื่อกิจกรรม
โครงการส่งเสริมการฝึกปฎิบัติการดูแลผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน
รายละเอียดกิจกรรม/งบประมาณ/อื่นๆ

วิธีดำเนินการ 1. อบรมอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักความสำคัญของการสื่อสารและวางแผนระยะท้าย 2. วัดผลความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติเรื่องการสื่อสารเรื่องการจัดการอาการและวางแผนระยะท้ายผ่านแบบประเมิน ก่อนการเข้ารับการอบรม 3. จัดทำสื่อการสอน เรื่อง การให้ยากลุ่มโอปิออยด์ชนิดออกฤทธิ์แรง และการวางแผนระยะท้ายและการเขียนพินัยกรรมชีวิต 4. ผู้อบรมมีความเข้าใจเรื่องการเขียนหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขในระยะท้ายในสมุดเบาใจ
5. วัดผลความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติเรื่องการสื่อสารเรื่องการจัดการอาการและวางแผนระยะท้ายผ่านแบบประเมิน หลังการเข้ารับการอบรม 6. สรุปผลการดำเนินการต่อกองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลเมืองน่าน กลุ่มเป้าหมาย และกิจกรรม
กลุ่มเจ้าหน้าที่จำนวน 150 คน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลน่าน จำนวน 10 คน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมชน จำนวน 20 คน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 40 คน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จำนวน 80 คน กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีผู้สูงอายุในครอบครัว จำนวน 50 คน การสำรวจข้อมูลสุขภาพ การจัดทำทะเบียนและฐานข้อมูลสุขภาพ การตรวจคัดกรอง ประเมินภาวะสุขภาพ และการค้นหาผู้มีภาวะเสี่ยง การรณรงค์/ประชาสัมพันธ์/ฝึกอบรม/ให้ความรู้ ระยะเวลาดำเนินการ วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567 สถานที่ดำเนินการ ห้องประชุมพุทธมนต์โชติคุณ ชั้น 5 อาคารสิริเวชรักษ์ โรงพยาบาลน่าน งบประมาณจำนวน 42,800.00 บาท รายละเอียด ดังนี้ ลำดับที่ รายการ จำนวนเงิน(บาท) 1 ค่าสมุดเบาใจ จำนวน 200 เล่มๆละ 40 บาท 8,000 2 ค่าสื่อการสอน จัดทำเป็น power point4 สี จำนวน 400 แผ่นๆละ 6 บาท 2,400 3 ค่าอาหารกลางวันและเครื่องดื่ม จำนวน 200 คนๆละ 75 บาท 15,000 4 ค่าอาหารว่าง จำนวน 200 คน x 25 บาท x 2 มื้อ 10,000 6 ค่าสมนาคุณวิทยากรจากภาครัฐ 2 คนคนละ 6 ชั่วโมง ๆ ละ 600 บาท 7,200 8 ค่าสรุปผลการดำเนินงาน(รูปเล่ม) 2 เล่ม ๆ ละ 100 บาท 200 รวมงบประมาณทั้งหมด 42,800

ระยะเวลาดำเนินงาน
1 มีนาคม 2567 ถึง 30 กันยายน 2567
ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)

ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1.เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลระดับจังหวัด เจ้าหน้าที่ระดับชุมชน เจ้าหน้าที่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. ญาติผู้สูงอายุและประชาชนผู้สนใจในจังหวัดน่าน สามารถความเข้าใจ มีทัศนคติที่ดีเรื่องการสื่อสารและเรื่องการจัดการอาการและวางแผนระยะท้ายผ่านแบบประเมิน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 จากก่อนและหลังการเข้ารับการอบรม 2. กลุ่มเป้าหมายที่เข้าการอบรมมีความสามารถในการถ่ายทอด ความรู้ การสื่อสารและเรื่องการจัดการอาการและวางแผนระยะท้าย ผ่านการนำเสนอทางวาจาหลังจากสรุปการอบรม 3.กลุ่มเป้าหมายสามารถเขียนหรือสามารถอธิบายแนวทาง หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขในระยะสุดท้าย ตามมาตรา 12 พรบ. สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ผลการดำเนินการที่คาดหวัง ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร? ข้อจำกัดที่อาจเกิดขึ้นและแนวทางการแก้ปัญหา การเขียนโครงการชิ้นนี้ทำให้ทราบข้อจำกัดที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และแนวทางการแก้ปัญหา ดังนี้ - ข้อจำกัดด้านผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาเพื่อบรรเทาอาการส่วนใหญ่จะไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอเรื่องการพยากรณ์โรคจากแพทย์เจ้าของไข้ มีปัญหาด้านประสาทรับสัมผัส และสติสัมปัญชัญญะ เช่น ผู้ป่วยประสาทหูเสื่อม ร่วมกับมีอาการสมองเสื่อม เป็นต้น ทำให้มีปัญหาเรื่องการแจ้งข่าวร้ายจากแพทย์เจ้าของไข้ ทั้งนี้รวมถึงการส่งผู้ป่วยมาปรึกษาที่คลินิกบริบาลบรรเทาระยะท้ายจะไม่ได้รับการนัดของแพทย์เจ้าของไข้แล้ว ส่งผลให้สูญเสียความเชื่อมั่นในการรักษา รู้สึกไม่เชื่อมั่นในการรักษาของทีมสหวิชาชีพ จึงเสนอแนวทางแก้ปัญหาพัฒนาระบบรับปรึกษาลงสู่ชุมชนเพื่อให้ผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชนมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคระยะท้ายและการดูเเลแบบประคับประคองหรือชีวาภิบาล - ข้อจำกัดในการปรึกษาข้อมูลการดูแลรักษาผู้ป่วยและครอบครัวระหว่างโรงพยาบาลจังหวัด และโรงพยาบาลชุมชน เนื่องจากการรักษาเพื่อบรรเทาอาการระยะท้ายมีความจำเป็นที่ต้องปรับยาด้วยโอปิออยด์ชนิดออกฤทธิ์แรง ซึ่งทีมสหวิชาชีพแต่ละคนอาจมีทัศนคติที่คาดเคลื่อนเกี่ยวกับการปปรับยา ทั้งยังขาดประสบการณ์ในการดูแล จึงมีการเขียนโครงการเชิญพัฒนาองค์ความรู้ในเชิงปฏิบัติการและขออนุญาตโรงพยาบาลต้นสังกัดมาร่วมผัดเปลี่ยนดูแลผู้ป่วยระยะท้ายที่โรงพยาบาลน่าน - ข้อจำกัดด้านสถานที่ในการดูแล ดังที่หลายๆสถานพยาบาลประสบปัญหาขาดแคลนเตียงผู้ป่วยใน มีแนวคิดให้บ้านสามารถรองรับบริการผู้ป่วยระยะท้ายที่จัดการอาการด้วยยาที่บริหารที่บ้านได้ จึงมีการบริหารจัดการยืม-คืนอุปกรณ์การดูแลระยะท้ายได้แก่ เตียงลม อุปกรณ์ดูดเสมหะ เครื่องผลิตออกซิเจน และอุปกรณ์บริหารยาโอปิออยด์ชนิดออกฤทธิ์แรงใต้ผิวหนัง (Surefusor)สามารถปรึกษาแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพประคับประคองได้ทุกวัน ทั้งในและนอกเวลาราชการ เพื่อจัดการอาการปวดหรือเหนื่อย จนกระทั่งผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ

จำนวนเงินงบประมาณของกิจกรรม (บาท)
42800.00

งบประมาณโครงการ

จำนวนงบประมาณที่ต้องการสนับสนุน จำนวน 42,800.00 บาท

หมายเหตุ :
ข้าพเจ้า นางสาวรวิพร เจริญสวัสดิ์ ตำแหน่ง นายแพทย์ชำนาญการ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลน่าน หมายเลขโทรศัพท์ 0869117628 ในฐานะของผู้เสนอโครงการส่งเสริมการฝึกปฎิบัติการดูแลผู้ป่วยประคับประคองในชุมชน ในเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลระดับจังหวัด เจ้าหน้าที่ระดับชุมชน เจ้าหน้าที่ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. ญาติผู้สูงอายุและประชาชนผู้สนใจในจังหวัดน่านขอรับรองว่าโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลเมืองน่าน ในครั้งนี้
✓ไม่ได้ซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับจากแหล่งอื่น
✓รับทราบถึงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และวิธีการดำเนินงานตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้ว

8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง

ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

การเขียนโครงการชิ้นนี้ทำให้ทราบข้อจำกัดที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และแนวทางการแก้ปัญหา ดังนี้
- ข้อจำกัดด้านผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาเพื่อบรรเทาอาการส่วนใหญ่จะไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอเรื่องการพยากรณ์โรคจากแพทย์เจ้าของไข้ มีปัญหาด้านประสาทรับสัมผัส และสติสัมปัญชัญญะ เช่น ผู้ป่วยประสาทหูเสื่อม ร่วมกับมีอาการสมองเสื่อม เป็นต้น ทำให้มีปัญหาเรื่องการแจ้งข่าวร้ายจากแพทย์เจ้าของไข้ ทั้งนี้รวมถึงการส่งผู้ป่วยมาปรึกษาที่คลินิกบริบาลบรรเทาระยะท้ายจะไม่ได้รับการนัดของแพทย์เจ้าของไข้แล้ว ส่งผลให้สูญเสียความเชื่อมั่นในการรักษา รู้สึกไม่เชื่อมั่นในการรักษาของทีมสหวิชาชีพ จึงเสนอแนวทางแก้ปัญหาพัฒนาระบบรับปรึกษาลงสู่ชุมชนเพื่อให้ผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชนมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคระยะท้ายและการดูเเลแบบประคับประคองหรือชีวาภิบาล
- ข้อจำกัดในการปรึกษาข้อมูลการดูแลรักษาผู้ป่วยและครอบครัวระหว่างโรงพยาบาลจังหวัด และโรงพยาบาลชุมชน เนื่องจากการรักษาเพื่อบรรเทาอาการระยะท้ายมีความจำเป็นที่ต้องปรับยาด้วยโอปิออยด์ชนิดออกฤทธิ์แรง ซึ่งทีมสหวิชาชีพแต่ละคนอาจมีทัศนคติที่คาดเคลื่อนเกี่ยวกับการปปรับยา ทั้งยังขาดประสบการณ์ในการดูแล จึงมีการเขียนโครงการเชิญพัฒนาองค์ความรู้ในเชิงปฏิบัติการและขออนุญาตโรงพยาบาลต้นสังกัดมาร่วมผัดเปลี่ยนดูแลผู้ป่วยระยะท้ายที่โรงพยาบาลน่าน
- ข้อจำกัดด้านสถานที่ในการดูแล ดังที่หลายๆสถานพยาบาลประสบปัญหาขาดแคลนเตียงผู้ป่วยใน มีแนวคิดให้บ้านสามารถรองรับบริการผู้ป่วยระยะท้ายที่จัดการอาการด้วยยาที่บริหารที่บ้านได้ จึงมีการบริหารจัดการยืม-คืนอุปกรณ์การดูแลระยะท้ายได้แก่ เตียงลม อุปกรณ์ดูดเสมหะ เครื่องผลิตออกซิเจน และอุปกรณ์บริหารยาโอปิออยด์ชนิดออกฤทธิ์แรงใต้ผิวหนัง (Surefusor)สามารถปรึกษาแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพประคับประคองได้ทุกวัน ทั้งในและนอกเวลาราชการ เพื่อจัดการอาการปวดหรือเหนื่อย จนกระทั่งผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ


>