แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลเมืองสะเตงนอก
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลเมืองสะเตงนอก
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะเตงนอก
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
จากรายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2560 พบว่า กลุ่มเด็กอายุ 12 ปี ได้รับการตรวจฟัน ร้อยละ 84.70 มีปัญหาฟันถาวรผุ ร้อยละ 52.00 โดยพบว่ามีฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษา ร้อยละ 31.50 มีฟันผุระยะเริ่มต้น ร้อยละ 12.20 เคยปวดฟัน ร้อยละ 36.70 และเคยหยุดเรียนเพราะไปทำฟัน ร้อยละ 12.20มีเพียงร้อยละ 48.00 ปัจจุบันพบว่าเด็กไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งมีฟันผุ ซึ่งถ้าไม่ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีรวมถึงพฤติกรรมการบริโภค ปัญหาสุขภาพช่องปากจะสะสมและมีความรุนแรงจนอาจเกิดการสูญเสียฟันถาวรตั้งแต่เด็ก แต่อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่า เด็กวัยเรียนมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ด้านการแปรงฟัน เพียงร้อยละ 9.50 แปรงฟันก่อนนอนทุกวัน ร้อยละ 59.70 และมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารเสี่ยง ได้แก่ ดื่มน้ำหวานและน้ำอัดลมมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน ร้อยละ 52.00 กินขนมกรุบกรอบ และลูกอม มากกว่า 2 ครั้งต่อวัน ร้อยละ 28.90 และ 21.40 ตามลำดับ (แนวทางการดำเนินงานทันตสาธารณสุข, 2565) การฝึกฝนให้เด็กมีทันตสุขนิสัยที่ดีและการส่งเสริม และป้องกันรวมทั้งการบำบัดรักษาในระยะเริ่มแรกของการเป็นโรคจะช่วยป้องกันและควบคุมโรคในช่องปากของเด็กได้ อาหารเด็กส่วนมากมักบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์เช่นขนมขบเคี้ยว ทอฟฟี่ ช็อคโกแลต ขนมหวานต่างๆการที่เด็กทานอาหารเหล่านี้เข้าไปจะทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องฟันผุ ซึ่งปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับเด็กช่วงวัยเรียนเป็นส่วนมาก การที่จะปลูกฝังให้เด็กรักการแปรงฟันนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งที่จะช่วยให้ปัญหาฟันผุลดน้อยลง และเพื่อเป็นการส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันฟันผุรวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมสุขลักษณะนิสัยที่ดี นอกจากนี้จากการตรวจสุขภาพช่องปากนักเรียนตามระบบเฝ้าระวังทันตสุขภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะเตงนอก พบว่า ร้อยละเด็กอายุ 12 ปีมีฟันผุ ในฟันแท้ ตามลำดับ ดังนี้ 43.59, 42.11 และ 40.63 โดยพบว่าอัตราการเกิดโรคฟันผุในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาลดลง แต่ยังพบว่าจังหวัดยะลามีค่าฟันผุสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ดังนั้น ปัญหาเด็กฟันผุยังคงเป็นปัญหาสำคัญ ของจังหวัดยะลาที่ยังต้องดำเนินการแก้ไข ในปีงบประมาณ 2564 - 2566 มีเด็กอายุ 6 – 12 ปี ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก ร้อยละ 36.83, 16.44 และ 45.67 ตามลำดับ เด็กอายุ 6 - 12 ปี ได้รับบริการทันตกรรม ร้อยละ 47.10, 26.08 และ 39.04 ตามลำดับ (HDC ข้อมูลระบบ 43 แฟ้ม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา, 2566)
ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะเตงนอก ได้เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมการส่งเสริมดูแลสุขภาพช่องปากในโครงการฟันสวย ยิ้มใส ใส่ใจสุขภาพฟัน ปีงบประมาณ 2567 ขึ้นเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้และพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ฝึกทักษะและแปรงฟันที่ถูกวิธี และทำให้เกิดโรคฟันผุน้อยลงจะช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุ เหงือกอักเสบในช่องปากและเพื่อค้นหาผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก เพื่อรับการรักษาหรือส่งต่อผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพทางช่องปากต่อไป
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น
กำหนดเสร็จ
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. เพื่อให้กลุ่มแกนนำนักเรียนมีความรู้และความเข้าใจในการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง
2. เด็กวัยเรียนได้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
3. เพื่อให้ทุกกลุ่มอายุมีการแปรงฟันที่ถูกวิธีและป้องกันฟันผุได้ถูกต้อง