2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ในปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อม ที่มีผลมาจากอิทธิพลของโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และระบบสารสนเทศ ซึ่งแม้จะนำมาซึ่งความเจริญทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตในหลายด้าน แต่อีกด้านหนึ่งกลับส่งผลกระทบเชิงลบต่อพฤติกรรมของประชาชน ทำให้เกิดวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่เหมาะสมต่อสุขภาพ เช่น การบริโภคอาหารแปรรูป อาหารหวานจัด เค็มจัด การขาดกิจกรรมทางกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ นอนหลับไม่เพียงพอ มีภาวะเครียดสะสม และไม่สามารถจัดการสุขภาพจิตของตนเองได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases : NCDs) เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งนับเป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ คุกคามสุขภาพของประชาชน โดยไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนมากเข้าสู่ระบบการรักษาเมื่ออยู่ในระยะที่โรคมีความรุนแรงแล้ว นำมาซึ่งภาระค่าใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุขที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ครอบครัว และระบบเศรษฐกิจโดยรวม จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค NCDs สูงกว่า 62,138 ล้านบาทในปี 2560 และมีประชากรไทยเสียชีวิตจากโรค NCDs มากกว่า 400,000 รายต่อปี อีกทั้งยังมีความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากค่ารักษาพยาบาลโดยตรงและผลกระทบทางอ้อมสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี สถานการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเร่งดำเนินมาตรการป้องกัน ควบคุม และลดปัจจัยเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในระดับปัจเจกและชุมชน ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ ลดความรุนแรงของโรคในรายเดิม และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศในระยะยาว หนึ่งในแนวทางสำคัญคือการส่งเสริมสุขภาพตามหลัก “วิถีธรรม วิถีไทย” ด้วยการประยุกต์ใช้หลัก 3 อ. ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ ร่วมกับ 3 ส. ได้แก่ สวดมนต์ สมาธิ และสนทนาธรรม และหลัก 1 น. คือการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิต ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับวิถีชุมชนไทย เข้าใจง่าย และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน
สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดตรัง จึงได้จัดทำโครงการ “ควนเมาสุขภาพดี ชีวีมีสุข ด้วยหลัก 3 อ. 3 ส. 1 น.” ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้แกนนำสุขภาพในชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว ผ่านแนวคิดที่สอดคล้องกับบริบทชุมชนและหลักธรรมะไทย โดยมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพอย่างยั่งยืน นำไปสู่การลดอัตราการป่วยและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ตำบลควนเมา ให้มีสุขภาวะที่ดี ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมอย่างแท้จริง
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/07/2025
กำหนดเสร็จ 31/08/2025
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้ตามหลัก 3 อ. 3 ส. 1 น.
2. ผู้เข้าร่วมโครงการเกิดจิตสำนึกและตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ สามารถพึ่งพาตนเองในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้
3. ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมและยั่งยืน
4. ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถถ่ายทอดและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับหลัก 3 อ. 3 ส. 1 น. ไปยังสมาชิกในครอบครัว ชุมชน หรือกลุ่มเป้าหมายอื่นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม