แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ริโก๋
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ริโก๋
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลริโก๋
ตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันโรคมะเร็ง เป็นโรคที่เป็นปัญหากับสตรีไทย โดยมีมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 1 ของสตรีไทย อุบัติการประมาณ 20.9 ต่อ แสนคน/ปี 6,500-7,000 ราย พบมากที่สุดในภาคเหนือ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เห็นความสำคัญจึงได้นำปัญหาโรคมะเร็งปากมดลูกมากำหนดเป็นนโยบายในการดำเนินงาน โดยที่สถายนบริการสุขภาพทุกแห่งจะต้องดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งให้ครอบคลุมทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดให้ในปี 2562 กลุ่มเป้ายหมายสตรีอายุ 30-60 ปี ตรวจมะเร็งปากมดลูก ครอบคลุมร้อยละ 80 ปี 2558-2562
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลริโก๋ ได้เก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2561
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/07/2019
กำหนดเสร็จ 31/07/2019
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. สตรี อายุ 30-70 ปี ได้รับการคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งเต้านม เพื่อเป็นการป้องกันและลดโอกาสเกิดโรคขั้นต้นได้ ปี 2558-2562 ร้อยละ 80
2. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในชุมชน