แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.สาคอบน
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.สาคอบน
รองประธานชมรมผู้สูงอายุและผู้พิการ อบต.สาคอบน
ตำบลสาคอบน
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
เนื่องด้วยคนพิการในเขตตำบลสาคอบนและตำบลสาคอใต้ อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ส่วนใหญ่ขาดกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมอย่างมีความสุข เนื่องจากความยากลำบากของตนเอง โดยเฉพาะผู้ซึ่งเพิ่งจะเป็นคนพิการที่ยังมิอาจยอมรับและปรับสภาพของตนเองได้ เกิดความท้อแท้สิ้นหวังคิดว่าตนะองเป็นภาระของผู้อื่น นอกจานั้น คนพิการบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านหลักประกันสุขภาพหรือระเบียบอันเป็นสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ในด้านการรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ถึงแม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลจะได้กำหนด กฎระเบียบเกี่ยวกับการดูแลคนพิการ แต่ก็มิได้เป็นหลักประกันว่าจะทำให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ระบุสถานการณ์ หลักการและเหตุผล หรือ ที่มาของการทำโครงการ เพิ่มเติม4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/08/2019
กำหนดเสร็จ 30/09/2019
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. คนพิการและผู้ดูแลคนพิการมีกำลังใจในการที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมอย่างมีความสุข
2. คนพิการเกิดความมั่นใจและภาคภูมิใจในตนเองมากยิ่งขึ้น
3. คนพิการและผู้ดูแลคนพิการได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน