2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
โรคไวรัสโรโลน่าระบาดหนักในประเทศไทยและทั่วโลกซึ่งการที่ประชาชนมีพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นการช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่งและจากสวมหมวกนิรภัยจะเป็นการช่วยลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งร้อยละ99 สาเหตุเกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย โดยรายงานของสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ยังเผยว่า มีเด็กไทยเพียง 7% เท่านั้นที่ใส่หมวกนิรภัยระหว่างการเดินทาง ซึ่งอัตราการใช้หมวกนิรภัยจำนวนน้อยนี่เอง สะท้อนให้เห็นถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าภัยอันตรายรอบตัวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดฝัน และเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่พ่อแม่และผู้ปกครองหลายๆ คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการให้บุตรหลานสวมใส่หมวกนิรภัยขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ แล้วก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่แม้จะสวมหมวกนิรภัยให้เด็ก แต่กลับไม่รู้ว่าจะเลือกใช้หมวกนิรภัยที่มีคุณภาพ มีขนาดพอดีกับศีรษะเด็ก และจะสวมใส่หมวกนิรภัยให้เด็กอย่างถูกวิธีได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยและได้มาตรฐาน รวมถึงการเรียนรู้วิธีการใช้ถนนอย่างถูกต้อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการป้องกันและสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ถูกต้องในการใช้ถนน การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง ให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้หมวกนิรภัย พร้อมอบรมการใช้งานที่ถูกวิธี ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในการช่วยลดจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ถือเป็นอนาคตของชาติ
จังหวัดพัทลุง มีอัตราการสวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 26ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลหารเทา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุงมีจำนวนครัวเรือน ทั้งสิ้น จำนวน 2,616 ครอบครัว ซึ่งไม่ค่อยสวมหมวกนิรภัย ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกคนสวมหมวกนิรภัย ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำบลหารเทาได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนของชุมชน โดยการจัดอบรมด้านความปลอดภัยทางท้องถนน และการสาธิตใช้หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธีให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยเน้นให้เป็นประชาคมหมู่บ้าน และหวังจะลดจำนวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กไทยจากอุบัติเหตุทางถนนประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า การใส่หน้ากากอนามัยและการใส่หมวกนิริภัยก่อนการขับรถออกจากบ้านจะเป็นการป้องก้นโรคได้
ดังนั้น การสร้างพฤติกรรมใส่แมส ใส่หมวกก่อนออกจากบ้านและขับมอเตอร์ไซด์ จะช่วยป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุพร้อมชุมชนมีมาตรการในการควบคุมโรค
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 02/11/2020
กำหนดเสร็จ 31/08/2021
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?ผลผลิต
1. ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากอนามัยทุกคนและสวมหมวกนิรภัย
2.ประชาชนมีทักษะ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคโคโรน่าและเคารพกฎระเบียบวินัยจราจร และการใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัย ร้อยละ 100
ผลลัพธ์
ประชาชน ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบวินัยจราจร รวมถึงการมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้รถใช้ถนน อันจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาจราจร และช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ใช้รถใช้ถนน โดยการสวมใส่หมวกนิรภัยและได้มาตรฐานขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จำนวนครั้งเกิดอุบัติเหตุลดลง และลดอัตราการบาดเจ็บ