โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
แบบรายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์
รายงานฉบับสมบูรณ์
โครงการ
“ โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ”
ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
หัวหน้าโครงการ
นางเจริญศรี เมืองแก้ว
ได้รับการสนับสนุนโดย กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้
กันยายน 2569
ชื่อโครงการ โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
ที่อยู่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2569
กิตติกรรมประกาศ
"โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จังหวัดสงขลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
บทคัดย่อ
โครงการ " โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา " ดำเนินการในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา รหัสโครงการ ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 ตุลาคม 2568 - 30 กันยายน 2569 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 19,304.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ »
บทคัดย่อ »
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล »
วัตถุประสงค์โครงการ »
กิจกรรม/การดำเนินงาน »
กลุ่มเป้าหมาย »
ผลลัพธ์ที่ได้ »
การประเมินผล »
ปัญหาและอุปสรรค »
ข้อเสนอแนะ »
เอกสารประกอบอื่นๆ »
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
โรคเบาหวาน นับเป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่ต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากสถานการณ์โรคเบาหวานทั่วโลกมีผู้ป่วยจำนวน 463 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 2588 จะมีผู้ป่วยเบาหวานจำนวน629 ล้านคน สำหรับประเทศไทยพบอุบัติการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนคนต่อปี มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานทั้งหมด 16,388 คน คิดเป็นอัตราตาย 25.1 ต่อประชากร แสนคน (กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
โดยโรคเบาหวานเกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอหรือร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง สาเหตุไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ แต่เกิดจากนิสัยพฤติกรรมการดำเนินชีวิตหรือพันธุกรรม โดยพัฒนาการของโรคนั้นจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ ค่อย ๆสะสมอาการอย่างต่อเนื่อง (WHO, 2002; สมพิศ วิริยม, 2065) เมื่อเกิดแล้วส่งผลกระทบมากมายทั้งด้านเศรษฐกิจ เช่นก่อให้เกิดการสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาด้านสาธารณสุขอย่างมหาศาล ค่าใช้จ่ายในการรักษาเฉลี่ยสูงถึง 47,596 ล้านบาทต่อปี (กระทรวงสาธารณสุข, 2564) และด้านสุขภาพ โดยเฉาะกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ ส่งผลให้เกิดภาวะโรคแทรกทางหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ทางไต ตา ปลายประสาทเท้า ลุกลามไปยังการสูญเสียอวัยวะและการเสียชีวิตก่อนอันควร (ศิริพร จันทร์ฉาย, 2548; กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
จากการสำรวจข้อมูลผู้ป่วยโรคเบาหวาน 3 ปี จังหวัดสงขลา (ปี2566-2568) พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีที่มีค่าระดับฮีโมโกลบิน เอวันซี (HbA1 c) มากกว่า 7 ร้อยละ X , 52.71 และ 52.10 ตามลำดับ อำเภอรัตภูมิ พบร้อยละ X , 63.75 และ 55.22 ตามลำดับ ตำบลคูหาใต้ พบร้อยละ X , 65.49 และ 53.30 ตามลำดับ (สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา, 2568) จะเห็นได้ว่าตำบลคูหาใต้ มีผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีสูงเมื่อเทียบกับระดับอำเภอในปี 2567และสูงกว่าจังหวัดในปี2667-2568 และยังส่งผลต่อภาวะแทรกซ้อนทาง ตา เท้า ไต ซึ่งจากการสอบถามผู้ป่วยตำบลคูหาใต้ เกี่ยวกับสาเหตุที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี HBA1C> 7 พบว่า เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารเป็นหลัก เช่น การปรุงอาหารรสชาติหวาน มัน เค็ม เป็นหลัก, นิยมการบริโภคผลไม้ตามฤดูกาล (ทุเรียน,เงาะ มังคุด) เป็นต้น และพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบปริมาณการบริโภคอาหารแต่ละชนิดที่เหมาะสมสมกับดัชนีมวลกายของตนเอง จะเลือกรับประทานอาหารของประเภทและปริมาณตามความชอบของตนเองเป็นหลัก จึงไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลของตนเองได้
จากการทบทวนวรรณกรรม พบว่า เป้าหมายที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน คือ การควบคุมการบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยประเมินจากค่า FPG < 126 และ HbA1c < 6.5 mg./dl. อีกทั้งโรคเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจึงต้องอยู่กับกับโรคนี้ไปตลอดชีวิตแต่สามารถ ปรับ ลด และหยุดยาเบาหวานได้หากผู้ป่วยนั้นควบคุมพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองได้ดี ดังนั้น การดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้ตามมาตรฐานและอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง (American Diabetes Association, 2017) โดยการศึกษาของ ร่มเกล้า กิจเจริญไชย (2556) ได้เสนอแนะเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ว่าควรนำโปรแกรมการจัดการตนเองเรื่องการบริโภคอาหารในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ไปใช้เพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ค่าน้ำตาลสะสม และดัชนีมวลกาย จะสามารถลดระดับน้ำตาลของผู้ป่วยได้ ทั้งนี้หากผู้เป็นเบาหวานมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองอยู่ในระดับต่ำ มีโอกาสที่จะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ (HbA1c < 6.5) น้อยกว่าผู้ป่วยเบาหวานที่พฤติกรรมการดูแลสุขภาพอยู่ในระดับสูง เป็น 0.54 เท่า (ธนวัฒน์ สุวัฒนกุล, 2561)
ปี 2568 กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง ด้วยวิธีการนับคาร์บ (Carb Counting) คือ ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่บริโภคในแต่ละวัน เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยโรคเบาหวานให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและโรคเรื้อรังอื่น ๆ (กระทรวงสาธารณสุข, 2568) ซึ่งสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย (อ้างในสุภาพร สมหวัง 2560) ได้กล่าวว่า การนับคาร์โบไฮเดรต เป็นวิธีหนึ่งที่นิยมมาวางแผนการควบคุมการบริโภคอาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากสารอาหารจากคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารเพิ่มสูงได้ (postprandial hyperglycemia) และพบว่าการนับคาร์โบไฮเดรตนั้นสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น นอกจากนี้การจัดการตนเองในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามแนวคิดของ Kanfer, และ Creer, (อ้างใน ภารดี วรรณพงษ์และ สุทิน ใจรักษา,มปป) กล่าวว่าการนำทฤษฎีการจัดการตนเองมาปรับใช้มีผลต่อการทำให้ระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดลดลง ซึ่งการดำเนินกิจกรรมประกอบด้วยการตั้งเป้าหมาย,การเก็บรวบรวมข้อมูล, การประมวลและการประเมินข้อมูล, การตัดสินใจ, การลงมือปฏิบัติ ,การสะท้อนตนเอง, การติดตามตนเอง
จากการดำเนินงานด้านการส่งเสริมเรื่อง NCD ของ รพ.สต.คูหาใต้ที่ผ่านมานั้น พบว่ามีการจัดการเรื่อง NCD ไม่เพียงพอ เนื่องจากมีเพียงการอบรมให้ความรู้ แจกแผ่นผับ แต่ยังขาดการติดตามการบริโภคอาหารอย่างเป็นระบบ อาจเป็นผลทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ จึงจัดทำโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารด้วยการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยมีการติดตามควบคู่กับการเสริมแรงทางบวก (Positive reinforcement) ตามของทฤษฎี สกินเนอร์ เสริมแรงตามระยะเวลา (Fixed Interval) เพื่อการจูงใจทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ หรือทำพฤติกรรมซ้ำ ตามที่กำหนดให้เพื่อมุ่งหวังให้ ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีต่อไป
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ จำนวน ๙๕ ราย
- ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง จำนวน 30 ราย
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
กลุ่มวัยทำงาน
12
กลุ่มผู้สูงอายุ
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
125
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑. กลุ่มป่วยโรคเบาหวาน มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ ทุกคน
๒. กลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลงทุกคน และมีการปรับ ลด หรือหยุดยา โดยแพทย์ โรงพยาบาลรัตภูมิ
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
กิจกรรมของโครงการ ผลผลิต* ผลผลิตที่ตั้งไว้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
บรรลุตามวัตถุประสงค์บางส่วนของโครงการ
ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ สถานการณ์ เป้าหมาย ผลผลิต อธิบาย
1
ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ จำนวน ๙๕ ราย
ตัวชี้วัด : ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยทีมวิทยากร ร้อยละ ๘o
80.00
2
ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง จำนวน 30 ราย
ตัวชี้วัด : ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่เข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาบ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง ร้อยละ ๘o
80.00
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
137
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
-
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
-
กลุ่มวัยทำงาน
12
กลุ่มผู้สูงอายุ
-
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
-
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
125
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
-
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
-
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]
-
บทคัดย่อ*
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ จำนวน ๙๕ ราย (2) ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง จำนวน 30 ราย
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
ข้อเสนอแนะ ได้แก่ (1) ...
หมายเหตุ *- บทคัดย่อ จะนำไปใส่ในส่วนบทคัดย่อของรายงานฉบับสมบูรณ์
- หากต้องการใช้ค่าเริ่มต้นของบทคัดย่อ ให้ลบข้อความในช่องบทคัดย่อ ทั้งหมด แล้วกดปุ่ม Refresh
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
................................
( นางเจริญศรี เมืองแก้ว )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......
โครงการ
“ โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ”
ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
หัวหน้าโครงการ
นางเจริญศรี เมืองแก้ว
กันยายน 2569
ที่อยู่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2569
กิตติกรรมประกาศ
"โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จังหวัดสงขลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
บทคัดย่อ
โครงการ " โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา " ดำเนินการในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา รหัสโครงการ ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 ตุลาคม 2568 - 30 กันยายน 2569 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 19,304.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
| กิตติกรรมประกาศ | » |
| บทคัดย่อ | » |
| ความเป็นมา/หลักการเหตุผล | » |
| วัตถุประสงค์โครงการ | » |
| กิจกรรม/การดำเนินงาน | » |
| กลุ่มเป้าหมาย | » |
| ผลลัพธ์ที่ได้ | » |
| การประเมินผล | » |
| ปัญหาและอุปสรรค | » |
| ข้อเสนอแนะ | » |
| เอกสารประกอบอื่นๆ | » |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
โรคเบาหวาน นับเป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่ต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากสถานการณ์โรคเบาหวานทั่วโลกมีผู้ป่วยจำนวน 463 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 2588 จะมีผู้ป่วยเบาหวานจำนวน629 ล้านคน สำหรับประเทศไทยพบอุบัติการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนคนต่อปี มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวานทั้งหมด 16,388 คน คิดเป็นอัตราตาย 25.1 ต่อประชากร แสนคน (กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
โดยโรคเบาหวานเกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอหรือร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง สาเหตุไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคไม่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ แต่เกิดจากนิสัยพฤติกรรมการดำเนินชีวิตหรือพันธุกรรม โดยพัฒนาการของโรคนั้นจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ ค่อย ๆสะสมอาการอย่างต่อเนื่อง (WHO, 2002; สมพิศ วิริยม, 2065) เมื่อเกิดแล้วส่งผลกระทบมากมายทั้งด้านเศรษฐกิจ เช่นก่อให้เกิดการสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาด้านสาธารณสุขอย่างมหาศาล ค่าใช้จ่ายในการรักษาเฉลี่ยสูงถึง 47,596 ล้านบาทต่อปี (กระทรวงสาธารณสุข, 2564) และด้านสุขภาพ โดยเฉาะกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ ส่งผลให้เกิดภาวะโรคแทรกทางหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ทางไต ตา ปลายประสาทเท้า ลุกลามไปยังการสูญเสียอวัยวะและการเสียชีวิตก่อนอันควร (ศิริพร จันทร์ฉาย, 2548; กระทรวงสาธารณสุข, 2564)
จากการสำรวจข้อมูลผู้ป่วยโรคเบาหวาน 3 ปี จังหวัดสงขลา (ปี2566-2568) พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีที่มีค่าระดับฮีโมโกลบิน เอวันซี (HbA1 c) มากกว่า 7 ร้อยละ X , 52.71 และ 52.10 ตามลำดับ อำเภอรัตภูมิ พบร้อยละ X , 63.75 และ 55.22 ตามลำดับ ตำบลคูหาใต้ พบร้อยละ X , 65.49 และ 53.30 ตามลำดับ (สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา, 2568) จะเห็นได้ว่าตำบลคูหาใต้ มีผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดีสูงเมื่อเทียบกับระดับอำเภอในปี 2567และสูงกว่าจังหวัดในปี2667-2568 และยังส่งผลต่อภาวะแทรกซ้อนทาง ตา เท้า ไต ซึ่งจากการสอบถามผู้ป่วยตำบลคูหาใต้ เกี่ยวกับสาเหตุที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี HBA1C> 7 พบว่า เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารเป็นหลัก เช่น การปรุงอาหารรสชาติหวาน มัน เค็ม เป็นหลัก, นิยมการบริโภคผลไม้ตามฤดูกาล (ทุเรียน,เงาะ มังคุด) เป็นต้น และพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบปริมาณการบริโภคอาหารแต่ละชนิดที่เหมาะสมสมกับดัชนีมวลกายของตนเอง จะเลือกรับประทานอาหารของประเภทและปริมาณตามความชอบของตนเองเป็นหลัก จึงไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลของตนเองได้
จากการทบทวนวรรณกรรม พบว่า เป้าหมายที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน คือ การควบคุมการบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยประเมินจากค่า FPG < 126 และ HbA1c < 6.5 mg./dl. อีกทั้งโรคเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจึงต้องอยู่กับกับโรคนี้ไปตลอดชีวิตแต่สามารถ ปรับ ลด และหยุดยาเบาหวานได้หากผู้ป่วยนั้นควบคุมพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองได้ดี ดังนั้น การดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้ตามมาตรฐานและอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง (American Diabetes Association, 2017) โดยการศึกษาของ ร่มเกล้า กิจเจริญไชย (2556) ได้เสนอแนะเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ว่าควรนำโปรแกรมการจัดการตนเองเรื่องการบริโภคอาหารในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ไปใช้เพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ค่าน้ำตาลสะสม และดัชนีมวลกาย จะสามารถลดระดับน้ำตาลของผู้ป่วยได้ ทั้งนี้หากผู้เป็นเบาหวานมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเองอยู่ในระดับต่ำ มีโอกาสที่จะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ (HbA1c < 6.5) น้อยกว่าผู้ป่วยเบาหวานที่พฤติกรรมการดูแลสุขภาพอยู่ในระดับสูง เป็น 0.54 เท่า (ธนวัฒน์ สุวัฒนกุล, 2561)
ปี 2568 กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง ด้วยวิธีการนับคาร์บ (Carb Counting) คือ ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่บริโภคในแต่ละวัน เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยโรคเบาหวานให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและโรคเรื้อรังอื่น ๆ (กระทรวงสาธารณสุข, 2568) ซึ่งสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย (อ้างในสุภาพร สมหวัง 2560) ได้กล่าวว่า การนับคาร์โบไฮเดรต เป็นวิธีหนึ่งที่นิยมมาวางแผนการควบคุมการบริโภคอาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากสารอาหารจากคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารเพิ่มสูงได้ (postprandial hyperglycemia) และพบว่าการนับคาร์โบไฮเดรตนั้นสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น นอกจากนี้การจัดการตนเองในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามแนวคิดของ Kanfer, และ Creer, (อ้างใน ภารดี วรรณพงษ์และ สุทิน ใจรักษา,มปป) กล่าวว่าการนำทฤษฎีการจัดการตนเองมาปรับใช้มีผลต่อการทำให้ระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดลดลง ซึ่งการดำเนินกิจกรรมประกอบด้วยการตั้งเป้าหมาย,การเก็บรวบรวมข้อมูล, การประมวลและการประเมินข้อมูล, การตัดสินใจ, การลงมือปฏิบัติ ,การสะท้อนตนเอง, การติดตามตนเอง
จากการดำเนินงานด้านการส่งเสริมเรื่อง NCD ของ รพ.สต.คูหาใต้ที่ผ่านมานั้น พบว่ามีการจัดการเรื่อง NCD ไม่เพียงพอ เนื่องจากมีเพียงการอบรมให้ความรู้ แจกแผ่นผับ แต่ยังขาดการติดตามการบริโภคอาหารอย่างเป็นระบบ อาจเป็นผลทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ จึงจัดทำโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารด้วยการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยมีการติดตามควบคู่กับการเสริมแรงทางบวก (Positive reinforcement) ตามของทฤษฎี สกินเนอร์ เสริมแรงตามระยะเวลา (Fixed Interval) เพื่อการจูงใจทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ หรือทำพฤติกรรมซ้ำ ตามที่กำหนดให้เพื่อมุ่งหวังให้ ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีต่อไป
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ จำนวน ๙๕ ราย
- ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง จำนวน 30 ราย
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
| กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้ | |
|---|---|---|
| กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
| กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | ||
| กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | ||
| กลุ่มวัยทำงาน | 12 | |
| กลุ่มผู้สูงอายุ | ||
| กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
| กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | ||
| กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 125 | |
| กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | ||
| กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | ||
| สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑. กลุ่มป่วยโรคเบาหวาน มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ ทุกคน ๒. กลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลงทุกคน และมีการปรับ ลด หรือหยุดยา โดยแพทย์ โรงพยาบาลรัตภูมิ
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
| วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
|---|---|---|
| ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง | |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
บรรลุตามวัตถุประสงค์บางส่วนของโครงการ
ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ผลผลิตโครงการ
| วัตถุประสงค์ | สถานการณ์ | เป้าหมาย | ผลผลิต | อธิบาย | |
|---|---|---|---|---|---|
| 1 | ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ จำนวน ๙๕ ราย ตัวชี้วัด : ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยทีมวิทยากร ร้อยละ ๘o |
80.00 |
|
||
| 2 | ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง จำนวน 30 ราย ตัวชี้วัด : ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่เข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาบ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง ร้อยละ ๘o |
80.00 |
|
ผู้เข้าร่วมโครงการ
| กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
|---|---|---|---|
| จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | 137 | ||
| กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
| กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | |||
| กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | - | ||
| กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | - | ||
| กลุ่มวัยทำงาน | 12 | ||
| กลุ่มผู้สูงอายุ | - | ||
| กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | |||
| กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | - | ||
| กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 125 | ||
| กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | - | ||
| กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | - | ||
| สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] | - |
บทคัดย่อ*
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการนับคาร์บ จำนวน ๙๕ ราย (2) ประชาชนกลุ่มป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่สมัครใจเข้าร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บ ครบ 3 เดือนตามเกณฑ์ มีค่า HBA1C ลดลง จำนวน 30 ราย
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
ข้อเสนอแนะ ได้แก่ (1) ...
หมายเหตุ *
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
| ปัญหาและอุปสรรค | สาเหตุ | ข้อเสนอแนะ |
|---|---|---|
|
|
|
โครงการการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยโปรแกรมการนับคาร์บของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ณ รพ.สต. คูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
( นางเจริญศรี เมืองแก้ว )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......