สภาพปัจจุบันปัญหาสังคมไทย ปัญหาในชุมชน คือ ปัญหายาเสพติดได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว เด็กและเยาวชนในวัยเรียนซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ในอนาคคตที่จะติดนาเสพติด โดยเฉพาะนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4,5 และ 6 ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ล่อแหลม อยากรู้อยากลอง ขาดความยั้งคิด ติดเพื่อน มีปัญหาในครอบครัว รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดการชี้แนะให้รู้ถึงพิษภัยยาเสพติด ความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนวัฒนธรรม ประเพณี และค่านิยมต่างชาติ ได้หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิต เนื่องจากปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาเป็นเรื่องที่นักเรียนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาและได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั่นการให้นักเรียนมีส่วนร่วมรับรู้ และมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จะเป็นแนวทางให้เกิดการยอมรับและยึดถือปฏิบัติ อีกทั้งเป็นแนวร่วมในการดำเนินงานง่ายต่อการขยายผลไปสู่นักเรียนทุกคน โดยการศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.) นักเรียนและผู้ปกครอง มีความรู้ความเข้าใจและร่วมรณรงค์ ต่อต้านยาเสพติด ทั้งในโรงเรียนและชุมชน เพื่อให้เป็นชุมชนที่สะอาดและปลอดยาเสพติด 2.)นักเรียนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 3.) นักเรียนและผู้ปกครองได้ทำกิจกรรมร่วมกันสร้างความรัก ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ผลการดำเนินตามโครงการดังกล่าว พบว่า
กิจกรรมที่ 1 อบรมให้ความรู้เรื่องยาเสพติด แก่นักเรียน และผู้ปกครอง
1.1 ให้ความรู้เรื่องยาเสพติด การป้องกัน และโทษของยาเสพติด แก่นักเรียน ครูและผู้ปกครอง โดยวิทยากร 2 ท่าน ตัวชี้วัดกิจกรรมพบว่า ผู้เข้ารับการอบรมมีคะแนนความพึงพอใจในกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย 82.84 เมื่อพิจารณารายละเอียดของแบบประเมินรายข้อ พบว่า ความรู้ที่ได้รับจากการฟังบรรยายประวัติ ความหมายของยาเสพติด มีค่าเฉลี่ยสูงสุด 84.53 รองลงมา คือ ประสบการณ์ที่ได้จากการร่วมกิจกรรมและประโยชน์ที่ได้รับจากกิจกรรม มีค่าเฉลี่ยเท่ากัน คือ 84.27 ส่วนรูปแบบกิจกรรมที่จัดมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ 80.80 จากการวัดประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบก่อน-หลังการอบรม จำนวน 10 ข้อ ผลการประเมินกิจกรรมการอบรมเรื่องยาเสพติด พบว่า ก่อนการอบรม มีระดับความรู้ปานกลาง ค่าเฉลี่ย 51.00 หลังการอบรม มีระดับความรู้ดีมาก ค่าเฉลี่ย 82.36
1.2 จัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่างผู้ปกครองกับโรงเรียน ตัวชี้วัดกิจกรรม พบว่า ผู้ปกครองนักเรียนมีความเข้าใจและตระหนักที่จะร่วมมือกันสอดส่องดูแลไม่ให้บุตรหลานไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยมีข้อตกลงร่วมกันในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา พบว่าผู้ปกครองไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ให้ความร่วมมือจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหายาสพติดในสถานศึกษาโรงเรียนบ้านป่าฝาง และพบว่าจากแบบประเมินความพึงพอใจ ประโยชน์ที่ได้จากการทำบันทึกข้อตกลง มีค่าเฉลี่ย 81.87
1.3 เดินรณรงค์ ป้องกันและให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของยาเสพติดแก่ประชาชนในชุมชน ตัวชี้วัดกิจกรรม นักเรียน ครูและผู้ปกครอง ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 ร่วมเดินรณรงค์ ป้องกันและให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของยาเสพติด จากแบบประเมินความพึงพอใจ ในรายข้อประโยชน์ที่ได้จากการร่วมเดินรณรงค์ พบว่า ประโยชน์ที่ได้จากการร่วมเดินรณรงค์มีค่าเฉลี่ย 81.33
กิจกรรมที่ 2 จัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด
2.1 จัดบร์ดนิทรรศการกิจกรรมกลุ่มเผลแพร่ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมทั้งนำเสนอผลงาน ตัวชี้วัดกิจกรรม นักเรียนชั้น ป.4 ป.5 และป.6 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ได้เข้าร่วมกิจกรรมนำเสนอผลงานกลุ่ม พบว่าการนำเสนอผลงานต่อกลุ่มเป็นไปด้วยความเรียบร้อย น่าสนใจ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
2.2 แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแต่ละกลุ่ม ตัวชี้วัดกิจกรรม นักเรียนชั้น ป.4 ป.5 และป.6 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแต่ละกลุ่ม ตลอดจนการจัดบอร์ดนิทรรศการให้นักเรียนทุกชั้นเข้าชมนิทรรศการการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดในสถานศึกษาโรงเรียนบ้านป่าฝาง
กิจกรรมที่ 3 ส่งเสริมการใช้เวลาว่างของนักเรียนให้เกิดประโยชน์
3.1 การออกกำลังกายหลังเลิกเรียนทุกวัน ตัวชี้วัดกิจกรรม นักเรียนชั้น ป.4 ป.5 และ ป.6 นักเรียนเล่นกีฬาตามที่ตนเองชอบและถนัด จากการลงพื้นที่สนามตรวจสอบ จำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 3 ครั้ง พบว่า มีค่าเฉลี่ย 42.47
3.2 บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ เช่น โรงเรียน มัสยิด สถานที่ต่างๆ ในชุมชน ตัวชี้วัด กิจกรรม นักเรียนชั้น ป.4 ป.5 และ ป.6 ได้เข้าร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีจิตสาธารณะ รู้จักช่วยเหลือกันและกัน จากการลงพื้นที่บำเพ็ญประโยชน์ 3 ครั้ง พบว่า นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
3.3 สร้างแกนนำนักเรียน คอยสอดส่องดูแลเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดทั้งในโรงเรียนและชุมชน เพื่อให้การดำเนินการร่วมกันสอดส่องดูแล ชักนำ ต่อต้านให้รู้ถึงพิษภัยยาเสพติด จึงกำหนดสร้างเครือข่ายแกนนำนักเรียนในแต่ละชั้นเรียน โดยมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นผู้นำและพี่เลี้ยง จัดประชุมรายงานผลให้ครูผู้รับผิดชอบ จำนวน 3 ครั้ง ผลการรายงานสรุปอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
กิจกรรมที่ 4 ติดตามผล
ตัวชี้วัดกิจกรรม ครูผู้รับผิดชอบลงพื้นที่เยี้ยมบ้านนักเรียนเพื่อสอบถาม สัมภาษณ์ผู้ปกครองอย่างกัลยาณมิตร ประเมินผลการแสดงพฤติกรรมของนักเรียนในขณะอยู่ที่บ้านกับผู้ปกครอง เพื่อเป็นข้อมูลประเมินผลตามกิจกรรม นักเรียนและผู้ปกครองให้ความร่วมมือดีเป็นที่น่าพอใจ จากการรายงานของนักเรียนแกนนำพบว่านักเรียนที่มีพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงลดลงและปัญหายาเสพติดในโรงเรียนหมดไป