โครงการสุขภาพดีวิถีชุมชน ร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ชื่อโครงการ | โครงการสุขภาพดีวิถีชุมชน ร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูง เบาหวาน |
รหัสโครงการ | 62-L8300-1-02 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลแว้ง |
วันที่อนุมัติ | 1 กุมภาพันธ์ 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 เมษายน 2562 - 30 กันยายน 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 ตุลาคม 2562 |
งบประมาณ | 14,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายซาหาบูดิง ยะโกะ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลแว้ง อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส |
ละติจูด-ลองจิจูด | 5.936,101.835place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือที่เรียกว่า “โรควิถีชีวิต” 5 โรค ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และ โรคมะเร็ง เป็นปัญหาสุขภาพที่สาคัญระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องมาจากความเจริญทางด้านเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมส่งผลต่อวิถีชีวิตและก่อให้เกิดพฤติกรรมการสุขภาพที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ การบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล (ทานหวาน มัน เค็ม มากเกินไป และทานผัก ผลไม้น้อยไป) การเคลื่อนไหวทางกายน้อย การบริโภคยาสูบ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมถึงภาวะเครียด ซึ่งหากไม่สามารถหยุดพฤติกรรมดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรควิถีชีวิต พิการ และเสียชีวิตตามมา นอกจากนี้ ยังสร้างภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและก่อให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจตามมาอย่างมหาศาล จากรายงานสถิติสุขภาพทั่วโลกปี พ.ศ. 2561 ขององค์การอนามัยโลก พบว่า 1 ใน 10 ของประชาชนในวัยผู้ใหญ่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และ 1 ใน 3 มีภาวะความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ พบว่าประมาณร้อยละ 63 ของการเสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก เกิดจากโรควิถีชีวิต สาหรับประเทศไทย จากการสารวจสุขภาพประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปโดยการตรวจร่างกาย พบว่า ความชุกของโรคเบาหวานเป็นร้อยละ 6.9 ทั้งนี้พบว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่เป็นเบาหวานไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานมาก่อน และมีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานแต่ไม่ได้รับการรักษา ร้อยละ 3.3 ความชุกของ 40 ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยมาก่อน และมีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ไม่ได้รับการรักษา ร้อยละ 8-9 จากสถิติผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงของอาเภอแว้ง มีผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง จานวน 4,869 คน ควบคุมความดันโลหิตได้ดี จานวน 1,020 คน คิดเป็นร้อยละ 20.95 ป่วยด้วยโรคเบาหวาน 1,662 คน ควบคุมได้ 172 คน คิดเป็นร้อยละ 10.35 โรงพยาบาลแว้ง จึงเล็งเห็นถึงความสาคัญของการป้องกันและควบคุมโรควิถีชีวิต จึงผลักดันให้เกิดความร่วมมือบูรณาการกันระหว่างกองทุนหลักประกันสุขภาพตาบลองค์การบริหารส่วนตาบลแว้ง ภายใต้แผนงานป้องกัน ควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (DM, HT) เป้าหมาย คือ การลดปัจจัยเสี่ยงและลดโรควิถีชีวิตในประชาชน กลวิธีสาคัญ ได้แก่ การคัดกรองประชาชน แล้วแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วย และกลุ่มป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน โดย กลุ่มปกติ จะเน้นให้คาแนะนาสร้างเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ. 2ส. (อาหาร ออกกาลังกาย อารมณ์ ไม่ดื่มสุรา และไม่สูบบุหรี่) และติดตามตรวจซ้าปีละครั้ง กลุ่มเสี่ยง จะเน้นให้คาปรึกษาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพป้องกันไม่ให้ป่วย และติดตามตรวจเลือดและวัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ กลุ่มผู้ป่วยจะเน้นจัดระบบในการดูแลปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตรวจภาวะแทรกซ้อน และบริการดูแลรักษาเชื่อมโยงระหว่าง รพ.สต. โรงพยาบาลชุมชนและเชื่อว่าจะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรควิถีชีวิต ลดผู้ป่วยรายใหม่ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ไปจนถึงลดการเสียชีวิตและการสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจลงได้
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อลดอัตราผู้ป่วยใหม่จากกลุ่มเสี่ยงสูงและลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วย 1.1 อัตราผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่จาก Pre-DM ไม่เกินร้อยละ 2.40 1.2 อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ลดลงร้อยละ 20 |
0.00 | |
2 | 2. เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสม
|
0.00 | |
3 | 3. เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
|
0.00 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
1 ส.ค. 62 | ปิงปองจราจร 7 สี พิชิตโรคเรื้อรังและสื่อประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง | 50 | 14,000.00 | ✔ | 14,000.00 | |
รวม | 50 | 14,000.00 | 1 | 14,000.00 |
การเตรียมการ 1. ประชุมคณะกรรมการดาเนินงานและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อรับทราบสถานการณ์ ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหา และวางแผนการดาเนินงาน ประกอบด้วย การจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังภัยโรคเรื้อรังในชุมชน การพัฒนาศักยภาพทีมรวมทั้งบทบาทของทีม การติดตามเยี่ยมผู้ป่วย การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้โรคเรื้อรังประจาตาบลการสร้างคุณค่า/แรงจูงใจทีม 2. วิเคราะห์ข้อมูลแยกประเภทกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยตามแนวทางปิงปองจราจรชีวิต 7 สี 3. สรุปและประเมินผล การดาเนินงาน กิจกรรมที่ 1 ปิงปองจราจรชีวิต 7 สี และติดตามเยี่ยมในกลุ่มผู้ป่วยในเขตองค์การบริหารส่วนตาบลแว้ง 1. จัดกิจกรรมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สาหรับกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ตามกลุ่มจราจรชีวิต 7 สี กลุ่มสีเหลือง สีส้ม และสีแดง รวมทั้ง อสม./กลุ่มประชาชนทั่วไป ภายใต้แนวคิด “ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต พิชิตโรคเรื้อรัง” 2. จัดกิจกรรมกลุ่มตามรูปแบบปิงปองจราจรชีวิต 7 สี ตามศูนย์เรียนรู้ในชุมชนทุกเดือน เช่น มัสยิด ,ศาลาอเนกประสงค์ 3. ติดเยี่ยมดูแลผู้ป่วยที่บ้านโดยทีมเยี่ยมบ้าน เฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยกลุ่มสีส้ม สีแดง และติดตามเยี่ยมผู้ป่วยกลุ่มสีดา/ ผู้ป่วยหลังจากนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 4. ประเมินผลในกลุ่มเสี่ยงตามกลุ่มจราจรชีวิต 7 สี กลุ่มสีเหลือง สีส้ม และสีแดง นัดทุก 1 เดือน กิจกรรมที่ 2 จัดทาสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 1. จัดทาป้ายไวนิลโครงการฯ , ป้ายไวนิลปิงปองจราจรชีวิต 7 สี และทาสื่อประชาสัมพันธ์พร้อมกับให้ความรู้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และเรื่องการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในชุมชน โดยใช้ปิงปองจราจรชีวิต 7 สี ภายใต้แนวคิด “ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต พิชิตโรคเรื้อรัง” พื้นที่ดาเนินการ หมู่ที่ 5 ชุมชนบ้านกูวา ,หมู่ที่ 6 ชุมชนบ้านบาลูกา ตาบลแว้ง อาเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. กลุ่มเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และ ไม่เกิดเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 2. มีระบบการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน 3. กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับการดูแลติดตามและไม่มีภาวะแทรกซ้อน
- กลุ่มเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และ ไม่เกิดเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 2. มีระบบการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน 3. กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับการดูแลติดตามและไม่มีภาวะแทรกซ้อน
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2562 13:53 น.