การจะพัฒนาประเทศชาติให้เจริญได้นั้น ประชากรในประเทศต้องมีสุขภาพที่ดี มีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญได้ สิ่งสำคัญประการหนึ่งในการส่งเสริมสุขภาพของประชากรก็คือ การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาทุกชนิด ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี และต้องปฏิบัติโดยสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายแบบไท้เก๊กก็เป็นการออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่มีผู้คนนิยมทั่วโลก เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบยืดหยุ่นร่างกายทุกส่วนทั้งแขนและขา ท่าทางการเคลื่อนไหวเป็นท่าที่มีการยืดและหดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆมีจังหวะที่ผสมผสานกลมกลืน มีลักษณะนุ่มนวล โอนอ่อนผ่อนคลาย การเคลื่อนไหวลื่นไหลต่อเนื่อง การหายใจสอดประสานไปกับการเคลื่อนไหว พร้อมต้องตั้งจิตติดตามการเคลื่อนไหวของร่างกายไปตลอด ทำให้เกิดสมาธิ เนื่องจากไม่มีการเกร็งกล้ามเนื้อ หรือการออกแรงกระแทก จึงมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บร่างกายได้น้อย เมื่อเทียบกับกีฬาที่ใช้แรงชนิดอื่นๆทำให้เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย แม้แก่ชรา อายุ 90-100 กว่าปีก็ยังฝึกฝนได้ ประโยชน์ที่ได้รับนอกจากสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว การเกิดสมาธิเป็นการจัดการด้านอารมณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจากกลยุทธ์ 3 อ.(อารมณ์,อาหาร,ออกกำลังกาย) อ.อารมณ์มีความสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อทุกๆ อ. หากบริหารจัดการอารมณ์ได้แล้วสภาวะสุขภาพก็จะดีตามไปด้วย และยังเพิ่มอัตราการไหลเวียนโลหิตทั้งร่างกาย ปอด หัวใจแข็งแรง และช่วยให้เกิดการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกาย
เทศบาลตำบลฉลุง ได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายแบบไท้เก๊กจึงได้ส่งเสริมให้ประชาชนรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นชมรม และมีการออกกำลังกายแบบไท้เก๊กขึ้น ในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 05.00-06.00 น. ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาเทศบาลตำบลฉลุง มาเป็นระยะเวลา 14 ปี ปัจจุบันมีสมาชิกชมรม จำนวน 55 คน สมาชิกชมรมมีทั้งคนในเขตเทศบาลตำบลฉลุงและพื้นที่ใกล้เคียง จากการดำเนินงานของชมรม พบว่า สมาชิกชมรมส่วนใหญ่มาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และจากการสำรวจข้อมูลสมาชิกชมรม มีสมาชิกป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง จำนวน 20 คน โรคความดันเบาหวาน จำนวน 6 คน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด จำนวน 3 คน และไม่พบผู้ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองแตก/ตีบ และพบว่า ถึงแม้สมาชิกส่วนใหญ่จะมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ด้วยศาสตร์การออกกำลังกายแบบไท้เก๊กจะต้องมีใช้ทักษะสูงในด้านการใช้ปราณ การฝึกหายใจ การเคลื่อนไหว อย่างมีสมาธิ สมาชิกบางคนยังไม่มีทักษะเท่าที่ควร อีกทั้งพฤติกรรมในการดำรงชีวิตประจำวันของสมาชิก เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การนอน การจัดการอารมณ์ และสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัย ไม่เหมาะกับสุขภาพของ ช่วงวัย และโรคที่เป็น ส่งผลให้การออกกำลังกาย ไม่สามารถควบคุมโรคที่เป็นให้อยู่ในระดับปกติได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จึงจำเป็นต้องส่งเสริม สร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพ พร้อมๆกับการออกกำลังกายอย่างจริงจัง จึงจะส่งผลต่อร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นชมรมไท้เก๊ก เทศบาลตำบลฉลุง จึงได้จัดทำโครงการไท้เก๊กสมาธิอุบาย วิธีสู่ความสงบเย็น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดเสี่ยง ลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ประจำปี 2563 ขึ้น เพื่อให้สมาชิกชมรมไท้เก๊ก เทศบาลตำบลฉลุง มีทักษะมีความรู้นำไปซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ สู่พฤติกรรมสุขภาพอย่างถูกต้อง อนึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะส่งผลให้สมาชิกมีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง และสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้