โครงการปรับพฤติกรรม เปลี่ยนชีวิต พิชิตโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ตามวิถีชุมชนปิยามุมัง ปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน 3 ครั้ง เพื่อประเมินสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะทำการตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นของกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง คำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) วัดความยาวรอบเอว วัดความดันโลหิต และตรวจน้ำตาลในเลือด หลังจากประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง กลับไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว ก็มีการนัดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ครั้งที่ 2 วันที่ 12 สิงหาคม 2563 ครั้งที่ 3 วันที่ 18 กันยายน 2563 โดยระหว่างที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะมีกิจกรรม “อาสาฯช่วยเปลี่ยน” โดย อสม. 1 คนจะช่วยเป็นครูพี่เลี้ยงและดูแลในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง 2-3 คน เพื่อให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การดำเนินติดตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
ก่อนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 80 คน มีภาวะเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 7.5 มีภาวะเสี่ยงโรคเบาหวานจำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 30 และมีภาวะเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงจำนวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 62.5
หลังการทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และมีการติดตามจำนวน 3 ครั้ง ผลการติดตามครั้งสุดท้ายพบว่า ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่เข้าร่วมโครงการโดยส่วนใหญ่
ผลการดำเนินงาน
สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้ดี สุขภาพแข็งแรงขึ้น โดยสามารถควบคุมระดับความดันโลหิต จนอยู่ในระดับปกติ จำนวน 65 คน คิดเป็นร้อยละ 81.25 ส่วนอีก 15 คน (ร้อยละ 18.75 ) ยังไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติได้ ความดันโลหิตยังสูง จึงส่งพบแพทย์ และให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเคร่งครัด สำหรับระดับน้ำตาลในเลือด พบว่าประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จนอยู่ในระดับปกติ จำนวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 87.5 ส่วนอีก 10 คน (ร้อยละ 12.5 ) ยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ ความดันโลหิตยังสูง จึงส่งพบแพทย์ และให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเคร่งครัดเช่นกัน ปัจจัยที่ส่งผลให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้สำเร็จ โดยส่วนใหญ่มาจากการรับประทานอาหาร ซึ่งวัฒนธรรมการทานอาหารของชุมชนปิยามุมังนั้น มักจะเป็นอาหารจำพวกแกงกะทิ อาหารทอด มัน เค็ม และหวาน ซึ่งตามหลักวิชาการแล้ว อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ขึ้นกับความถี่ ช่วงเวลาของการรับประทานอาหาร และมีความสัมพันธ์กับอารมณ์และการออกกำลังกายอีกด้วย