1.ผลการดำเนินงาน
จากการที่ทาง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปันแตร่วมกับกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลปันแตได้ได้เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพของผู้สัมผัสสารเคมีกำจัดแมลงในพื้นที่ตำบลปันแต จึงได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังผู้สัมผัสสารเคมีกำจัดแมลง ในตำบลปันแตขึ้น เพื่อให้ผู้สัมผัสและเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่รับผิดชอบได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือดเพื่อหาสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด ว่าอยู่ในระดับใด เพื่อเฝ้าระวังและรักษาต่อไป โดยในปีงบประมาณ 256๑ ได้มีการเจาะเลือดเกษตรกลุ่มเสี่ยง ได้รับการตรวจสารเคมีในเลือด ร้อยละ ๖๗.๙๖ เจาะเลือดเกษตรกรโดยใช้กระดาษ Reactive paper ครั้งที่ ๑ พบว่า ปกติ ร้อยละ ๗.๑๔ ปลอดภัย ร้อยละ ๑๗.๑๔ เสี่ยง ร้อยละ ๔๕.๗๒ และไม่ปลอดภัย ร้อยละ ๓๐.๐๐ กรณีพบว่า เสี่ยงและไม่ปลอดภัยในครั้งที่ ๑ เจาะเลือดเกษตรกรโดยใช้กระดาษ Reactive paper ครั้งที่ ๒ พบว่า ปกติ ร้อยละ ๑๓.๓๓ ปลอดภัย ร้อยละ ๒๖.๖๗ เสี่ยง ร้อยละ ๕๓.๓๓ และไม่ปลอดภัย ร้อยละ ๖.๖๗ จะเห็นได้ว่าเกษตรกรยังมีระดับผลเลือดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและไม่ปลอดภัยค่อนข้างสูง ทั้งยังมีการศึกษาอันตรายจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างกว้างขวางและพบว่า สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเหล่านี้สามารถถูกสะสมในร่างกายมนุษย์ได้เป็นเวลานาน ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ การดูดซึมทางผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และการรับประทาน จากข้อมูลข้างต้นเป็นที่น่าเป็นห่วงทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคที่มีความเสี่ยงจะได้รับอันตรายจากการปนเปื้อนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผลผลิตทางการเกษตร ในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปันแต จึงขยายการเฝ้าระวังจากเฉพาะเกษตรกรกลุ่มเสี่ยงที่ฉีดพ่นยาฆ่าแมลง มาสู่ประชาชนที่สามารถรับยาฆ่าแมลงผ่านช่องทางต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นแล้ว ดังนั้นเพื่อเฝ้าระวังสภาวะสุขภาพจากสารเคมี ในประชาชน และให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่มีระดับสารเคมีในเลือดระดับไม่ปลอดภัยได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีผลดังนี้ ได้รับการตรวจสารเคมีในเลือด ร้อยละ ๖๗.๙๖ เจาะเลือดโดยใช้กระดาษ Reactive paper ครั้งที่ ๑ พบว่า ปกติ ร้อยละ ๒.๓๓ ปลอดภัย ร้อยละ ๔๒.๘๖ เสี่ยง ร้อยละ ๓๒.๒๘ และไม่ปลอดภัย ร้อยละ ๒๒.๕๓ กรณีพบว่า เสี่ยงและไม่ปลอดภัยในครั้งที่ ๑ เจาะเลือดโดยใช้กระดาษ Reactive paper ครั้งที่ ๒ มีผู้มาเจาะเลือดครั้งที่ ๒ ร้อยละ ๔๙.๘๗ พบว่า ปกติ ร้อยละ ๐ ปลอดภัย ร้อยละ ๑๑.๕๖ เสี่ยง ร้อยละ ๕๓.๒๗ และไม่ปลอดภัย ร้อยละ ๓๕.๑๗ จากการดำเนินโครงการผู้สัมผัสพบว่ามีระดับสารเคมีในเลือดอยู่ในระดับที่ร่าเป็นห่วง จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งผลจาการดำเนินการตามวัตถุประสงค์โครงการ ดังนี้
๑. ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้รับการตรวจสารเคมีในเลือด ทั้งสิ้นจำนวน ๒๙๙ คน มีผลดังนี้
๑.๑ เจาะเลือดประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยใช้กระดาษ Reactive paper ครั้งที่ ๑ พบว่า ปกติ ร้อยละ 2.01 ปลอดภัย ร้อยละ 10.70 เสี่ยง ร้อยละ 41.14 และไม่ปลอดภัย ร้อยละ 46.15
๑.๒ กรณีพบว่า เสี่ยงและไม่ปลอดภัยในครั้งที่ ๑ เจาะเลือดเกษตรกรโดยใช้กระดาษ Reactive paper ครั้งที่ ๒ พบว่า ปกติ ร้อยละ ๐ ปลอดภัย ร้อยละ 29.63 เสี่ยง ร้อยละ 44.44 และไม่ปลอดภัย ร้อยละ 25.93
๑.๓ กลุ่มเสี่ยงที่มาเจาะเลือดครั้งที่ ๒ มีผลเลือดเท่าเดิม ร้อยละ 44.44 ดีขึ้น ร้อยละ 44.44 แย่ลง ร้อยละ 11.12
๒.เกษตรกลุ่มเสี่ยง ที่มีระดับสารเคมีในเลือดระดับไม่ปลอดภัยได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทุกราย โดยได้ทำการคัดกรองตามแบบประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกรจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช นบก.1 เพื่อทราบถึงพฤติกรรมการใช้สารเคมีของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังให้ความรู้โดยใช้สื่อจากแผ่นพับการล้างผักที่ถูกวิธี และแผ่นพับการใช้สมุนไพรล้างพิษ เจาะจงเป็นรายบุคคล ผู้ที่มีระดับสารเคมีระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปันแตจะจ่ายยาผงรางจืดชงรับประทาน ๑ เดือน แล้วนัดมาเจาะเลือดซ้ำครั้งที่ ๒ เพื่อเฝ้าระวังต่อไป
จะเห็นได้ว่า ทางโครงการ จากการเจาะเลือดครั้งที่ ๑ ผลเลือดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและไม่ปลอดภัยค่อนข้างสูง เมื่อนัดเจาะครั้งที่ ๒ กลุ่มนี้มารับบริการน้อย แต่ผลเลือดส่วนใหญ่กลุ่มนี้ยังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและไม่ปลอดภัย ซึ่งผลเลือดส่วนใหญ่จะเท่าเดิมไม่เปลี่ยน บางส่วนจะดีขึ้นมาอยู่ในช่วงปลอดภัยแล้ว ก็ยังจำเป็นที่ยังต้องมีการเฝ้าระวังประชาชนเกี่ยวการสารเคมีตกค้างต่อไป
2.ผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์/ตัวชี้วัด
บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เพราะ.......................................................................
3.การเบิกจ่ายงบประมาณ
งบประมาณที่ได้รับการอนุมัติ 11,300 บาท ดังนี้
1. กิจกรรมตรวจสารเคมีตกค้างในประชาชน อายุ 15 ปีขึ้นไป
๑.๑ ค่าชุดตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด ๑๐ ชุด ชุดละ ๙๕๐ บาท เป็นเงิน ๙,๕๐๐ บาท
๑.2 ค่าถ่ายเอกสารแบบประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกรจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หน้า-หลัง แผ่นละ ๑ บาท จำนวน 6๐0 ชุด เป็นเงิน 6๐0 บาท
2. กิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
๒.๑ ค่าถ่ายเอกสารแผ่นพับการล้างผักที่ถูกวิธี หน้า-หลัง แผ่นละ ๑ บาท จำนวน 6๐0 ชุด เป็นเงิน 6๐0 บาท
๒.๒ ค่าถ่ายเอกสารแผ่นพับความรู้เรื่องรางจืด หน้า-หลัง แผ่นละ ๑ บาท จำนวน 6๐0 ชุด เป็นเงิน 6๐0 บาท
งบประมาณเบิกจ่ายจริง 11,300 บาทคิดเป็นร้อยละ 100
งบประมาณเหลือส่งคืนกองทุนฯ............. .-........................บาท คิดเป็นร้อยละ -
4.ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงาน
ไม่มี
มี
ปัญหา/อุปสรรค(ระบุ)
๑. ประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่มารับบริการเจาะเลือดครั้งที่ ๒ ในวันเวลาที่นัดหมาย
๒. รางจืดมีไม่เพียงพอกับกลุ่มเสี่ยง
3. ช่วงดำเนินโครงการมีการระบาดของโรคโควิดทำให้การนัดหมายประชาชนมารับบริการล่าช้า ไม่สามารถนัดรวมคนได้ครั้งละมากๆ
แนวทางแก้ไข(ระบุ)
๑. ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนมีความสนใจมาเข้ารับบริการ
๒. ส่งเสริมการปลูกรางจืดในครัวเรือน และรับประทานอย่างถูกต้อง
๓. เริ่มดำเนินโครงการเร็วขึ้นเพื่อให้นัดหมายคนมาได้หลายครั้ง ปริมาณคนไม่มาก