แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.บองอ
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.บองอ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๕
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๕
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ในช่วงตั้งครรภ์ หญิงมีครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และมีพฤติกรรมการกินอาหารระหว่างมื้อมากกว่าปกติ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบและฟันผุได้ง่าย ฟันผุเป็นโรคติดเชื้อที่สามารถถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้โดยผ่านทางน้ำลาย และถือว่าแม่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อที่สำคัญมาสู่ลูก ดังนั้น การลดปริมาณเชื้อในน้ำลายของแม่โดยการควบคุมแผ่นคราบจุลินทรีย์ด้วยการขูดหินน้ำลายเพื่อลดการส่งผ่านเชื้อจากแม่สู่ลูก จึงเป็นวิธีการป้องกันโรคในช่องปากที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง การดูแลสุขภาพช่องปากให้กับหญิงมีครรภ์ด้วยการสร้างความตระหนักและให้ความรู้เรื่องทันตสุขภาพแก่แม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ รวมทั้งการปรับพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง ของแม่ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ควรบูรณาการไปพร้อมกับการให้บริการทันตกรรมในหญิงมีครรภ์ หากหญิงมีครรภ์ที่สามารถดูแลความสะอาดช่องปากของตนเองได้ดีจะแสดงให้เห็นถึงความมีพฤติกรรมที่ดีในการดูแลตนเองของแม่และจะส่งผลต่อการดูแลสุขภาพช่องปากของลูกด้วย
จากผลการสำรวจทันตสุขภาพแห่งชาติ ปี ๒๕๕๙, ๒๕๖๐, ๒๕๖๑ และ ๒๕๖๒ พบปัญหาดังนี้ ปัญหาโรคฟันผุในเด็กก่อนวัยเรียน มีแนวโน้มสูงขึ้นร้อยละ ๕๓.๑, ๖๕.๕, ๘๑.๐ และ ๘๙.๐ ตามลำดับ เฉลี่ยผุคนละ ๒.๗, ๓.๖, ๕.๐ และ ๖.๒ ซี่ ตามลำดับปัญหาด้านเศรษฐกิจ มีผลกระทบโดยตรงต่อสภาวะโรคฟันผุในเด็กเล็ก เนื่องจากประชาชนต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งรวมถึงค่ารักษาฟันด้วย ปัญหาด้านสังคมปัจจุบันพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องทำงานนอกบ้าน ไม่ค่อยมีเวลา ดูแลอยู่กับลูก ประกอบกับขาดความรู้ และไม่เห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพฟันของลูกทำให้เด็กมีฟันผุมากขึ้นปัญหาสิ่งแวดล้อม การโฆษณาขนมหวานผ่านสื่อต่างๆและการหาซื้อได้ง่ายในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมให้เด็กเล็กมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคฟันผุมากขึ้นดังนั้นการสร้างจิตสำนึกที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญในการปูพื้นฐานการดูแลทันตสุขภาพที่ดี โดยผู้ปกครองเด็กเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ ในการปลูกฝังและเตรียมความพร้อมให้เด็กทั้งทางด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และสติปัญญา ซึ่งจะส่งผลให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากที่ดี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ปกครอง มีความรู้ และได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็ก
ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๕ จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมทันตสุขภาพช่องปากหญิงตั้งครรภ์และเด็กที่มารับบริการวัคซีน ภายใต้โครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวเพื่อส่งเสริมให้หญิงมีครรภ์เข้าใจปัญหา และสาเหตุของโรคในช่องปากตลอดจนการป้องกัน เห็นความสำคัญของการสร้างพฤติกรรมทันตสุขภาพที่ดีตั้งแต่ตั้งครรภ์ และนำความรู้ที่ได้ไปดูแลสุขภาพช่องปากของลูกต่อไปและสติปัญญา ซึ่งจะส่งผลให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากที่ดี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ปกครอง มีความรู้และได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็ก
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
1. เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากหญิงมีครรภ์ที่มารับบริการฝากครรภ์ครั้งแรก
2. เพื่อให้หญิงมีครรภ์ได้รับความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง
3. เพื่อให้บริการทันตกรรมแก่หญิงมีครรภ์
4. เด็กคลินิกเด็กดีได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก และทาฟลูออไรด์วานิช
5. ผู้ปกครองของเด็กที่มารับบริการในคลินิกเด็กดีสามารถดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง และเด็กได้อย่างถูกต้อง
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/04/2021
กำหนดเสร็จ 30/09/2021
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. หญิงมีครรภ์ที่มาฝากครรภ์ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากร้อยละ 90
2. หญิงมีครรภ์ที่มาฝากครรภ์ได้รับความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง ร้อยละ 90
๓. หญิงมีครรภ์ที่มาฝากครรภ์ได้รับบริการทันตกรรม ร้อยละ 80
๔. เด็กคลินิกเด็กดีได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก และทาฟลูออไรด์วานิช ร้อยละ 80
๕. ผู้ปกครองเด็ก 9-12 เดือน ได้รับการฝึกแปรงฟัน ร้อยละ 80