แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลนครยะลา
หน่วยบริการปฐมภูมิสถานพยาบาล เรือนจำกลางยะลา
เรือนจำกลางยะลา
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
หลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ)
จากปัญหาประการหนึ่ง คือ ก่อนที่ผู้ต้องขังแต่ละคนจะได้รับสิทธิในการมาถึงสถานพยาบาลเพื่อรับการตรวจรักษา และเข้าถึงการรักษายังมีขั้นตอนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละเรือนจำ เช่น มีการกำหนดว่าพยาบาลจะตรวจผู้ต้องขังจากแดนใดในวันใด เช่น การตรวจแดนหนึ่งวันจันทร์ ตรวจแดนสองวันอังคาร ผู้ต้องขังแต่ละแดนจึงต้องรอให้ถึงวันของแดนตนเองจึงจะมีสิทธิเข้าไปตรวจที่สถานพยาบาล แต่หากมีผู้ป่วยฉุกเฉินก็จะได้รับการรักษาก่อนเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีกำลังไม่เพียงพอ เรือนจำหลายแห่งใช้ระบบคัดกรองในแดนก่อนเพื่อไม่ให้มีปริมาณผู้ต้องขังมาที่ สถานพยาบาลจำนวนมากจนเป็นภาระของสถานพยาบาลมากเกินไป โดยส่วนใหญ่เรือนจำให้อาสาสมัครนักโทษ ประจำแดนนั้นๆ เป็นผู้คัดกรองเบื้องต้น จึงมีความเป็นไปได้ที่อาสาสมัครคัดกรอง หรือผู้บังคับบัญชาการแดน ซึ่งไม่มีความรู้เฉพาะทางการแพทย์ อาจวินิจฉัยผิด และทำให้ผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยเข้าไม่ถึงบริการด้านสุขภาพตามสิทธิของตน รวมถึงการส่งเสริมและป้องกันโรค อย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเสมอภาค
ในปี 2563 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการจัดตั้งโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี ด้วยหัวใจมีวัตถุประสงค์ เพื่อมุ่งเน้นในด้านการส่งเสริมทางด้านเครื่องมือแพทย์ ด้านการบริการทางการแพทย์ ด้านการบริการทางการพยาบาล โดยพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพอนามัยที่จำเป็นแก่ผู้ต้องขัง และองค์ความรู้ด้านสุขภาพในเรือนจำแก่อาสาสมัคร สาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) โดยหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) 1.เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี เว้นแต่เป็นผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดี ผู้บังคับบัญชาเรือนจำ อาจคัดเลือกจากนักโทษชั้นกลางขึ้นไปตามลำดับ และกำหนดเหลือโทษ 1 ปีขึ้นไป 2.เป็นผู้ต้องขังที่สามารถอ่านออกเขียนได้ หรือจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ขึ้นไป 3.มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ และมีพฤติกรรมทางด้านสุขภาพที่เป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) 1 คนต้องดูแลผู้ต้องขังไม่เกิน 50 คน ทั้งนี้โครงการดังกล่าวกำหนดตัวชี้วัดให้ได้รับการอบรมปีงบประมาณละ 2 ครั้ง เพื่อให้อสรจ.มีความรู้ในการดูแลเพื่อนผู้ต้อขังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันเรือนจำกลางยะลา ผู้ต้องขัง 1,830 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2565) พบกลุ่มผู้ป่วยด้วยโรคติดต่อและไม่ติดต่อเป็นจำนวนมาก สถานพยาบาลเรือนจำจัดลำดับโรคที่พบบ่อยภายในเรือนจำ โรคหลอดเลือดและหัวใจ ทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง อุบัติเหตุ เป็นต้น ทั้งนี้สถานพยาบาลเรือนจำกลางยะลา มีเจ้าหน้าที่พยาบาล 4 คน ซึ่งอัตรากำลังไม่เพียงพอต่อการดูแลผู้ต้องขังทั้งหมด โดยเรือนจำกลางยะลามี อสรจ. จำนวน 60 คน ดูแลผู้ต้องขังอัตรา 1/30 คน กระจายตามห้องและกองงานต่างๆ สถานพยาบาลจึงเล็งเห็นความสำคัญในดูแลผู้ต้องขังภายในเรือนจำ จึงได้จัดทำโครงการอบรมให้ความรู้อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ในเรือนจำกลางยะลา เพื่อให้อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) สามารถเข้าใจเรื่องโรคและปัญหาของผู้ต้องขัง การดูแลรักษาอาการเบื้องต้นตลอดจนเฝ้าระวัง การดูแลสุขภาพ ควบคุมโรค ป้องกันโรคเบื้องต้นในเรือนจำได้
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 13/12/2022
กำหนดเสร็จ 30/09/2023
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และพฤติกรรมสุขภาพ (Health Behavior) ที่เหมาะสม
2. สามารถเป็นแกนนำในงานส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลเบื้องต้น และการฟื้นฟูสุขภาพตลอดจนเฝ้าระวังสุขภาพและคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้นได้
3. สามารถสื่อสารโน้มน้าวให้ผู้ต้องขังตื่นตัวและรับผิดชอบต่อตนเองในการเฝ้าระวังดูแลสุขภาพตนเอง ชุมชนและสภาพแวดล้อมของสังคม
4. สามารถสร้างโอกาสให้กลุ่มผู้ต้องขังเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสุขภาพอนามัยของตนเองและชุมชน