แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ชะมวง
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ชะมวง
ชมรม อสม.รพ.สต.บ้านหัวถนน
1.นางอุไร สงนุ้ย
2.นางปาริชาต อ่อนประเสริฐ
3.นางโสภัคดี ณ พัทลุง
4.นางสาวยุวดี เกื้อรุ่ง
5.นางจำเรียง แก้วมาก
หมู่ที่ 1,2,4,5,6,9,10,11 และ 13 ตำบลชะมวง
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ประชากรไทยมีอาชีพพื้นฐานอยู่ในภาคเกษตรกรรมมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมีพิษทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรังตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิตขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง โดยการสัมผัสทางผิวหนังที่ไม่สวมถุงมือและรองเท้าบูท ป้องกันขณะทำงานกับสารเคมี การสูดหายใจละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ และประชาชนส่วนใหญ่การรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีสารเคมีปนเปื้อน พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม รับประทานแกงถุงผักผลไม้ ที่ไม่ปลอดภัยทำให้ประชาชนและเกษตรกรมีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากสารเคมีเพิ่มขึ้นซึ่งจะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอด สมองผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตาซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการที่อวัยวะภายในร่างกายได้สะสมสารเคมีไว้จนถึงขีดที่ร่างกายไม่อาจทนได้จึงแสดงอาการต่างๆขึ้นมา เช่น โรคมะเร็ง โรคต่อมไร้ท่อ โรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกันเป็นต้น
หมู่ที่ 1,2,4,5,6,9,10,11 และ 13 ตำบลชะมวงเป็นตำบลหนึ่ง ที่ประชากรส่วนใหญ่การรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีสารเคมีปนเปื้อน พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม รับประทานแกงถุงผักผลไม้ ที่ไม่ปลอดภัยและประชาชนประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรมากถึงร้อยละ 80 ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำนา ทำไร่ ทำสวนผลไม้และสวนยางพาราผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการควบคุมและกำจัดศัตรูพืช จึงกระจายและขยายเป็นวงกว้าง และยังอยู่ในระดับที่รุนแรงและสูงอยู่
จากข้อมูลการเข้าร่วมโครงการของประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสสารเคมี ในปี 2566 พบว่าปริมาณ
สารเคมีตกค้างในเลือด ปลอดภัยจำนวน69คนมีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ไม่ปลอดภัยจำนวน3คนมีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ระดับเสี่ยงจำนวน18คน จากการเจาะเลือดหาสารเคมีครั้งที่ 1 และได้นำกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ปลอดภัยและระดับเสี่ยง ทำการเจาะเลือดหาสารเคมีครั้งที่ 2 เว้นระยะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มา 1 เดือน พบว่า มีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ปลอดภัยจำนวน10คน( ปลอดภัยเพิ่มขึ้น 47.62 % )มีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ไม่ปลอดภัยจำนวน1คน( ยังมีภาวะเสี่ยง อีก4.76 % )มีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด เสี่ยงจำนวน10คน( ยังมีภาวะเสี่ยง อีก47.62 % )ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่า ประชาชน
ในหมู่ที่ 1,2,4,5,6,9,10,11 และ 13ตำบลชะมวง ยังคงมีการสัมผัสสารเคมีและใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในการนำมาใช้นั้นได้มีการใช้อย่างไม่ถูกวิธีและขาดความรู้ จึงทำให้มีผลกระทบกับด้านสุขภาพโดยตรง ดังนั้นชมรมอสม.รพ.สต.บ้านหัวถนน จึงเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพของประชาชน ในหมู่ที่ 1,2,4,5,6,9,10,11 และ 13 ตำบลชะมวง จึงได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังความเสี่ยงของประชาชนจากการสัมผัสสารเคมี ปี 2567ขึ้นเพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือดเพื่อดูว่ามีปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดอยู่ในระดับใดเพื่อทำการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อไป
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/01/2024
กำหนดเสร็จ 31/08/2024
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ทราบถึงสถานการณ์สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในเลือดของประชาชน
2. เพื่อจะได้นำข้อมูลมาใช้ในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การเฝ้าระวังและควบคุมโรคจากการสัมผัสสารเคมีของประชาชน
3. ประชาชนมีความรู่ในการป้องกันการสัมผัสสารเคมี มีทักษะและมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการเกิดโรคจากสารเคมี