2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
โรคติดต่อ หมายถึง โรคที่สามารถแพร่กระจายจากบุคคลสู่บุคคลหรือจากสัตว์สู่มนุษย์ได้ โดยสาเหตุหลัก ๆ อาจเกิดจากเชื้อโรค นอกจากนี้สาเหตุของการเกิดโรคติดต่อสามารถแพร่กระจายได้ในระบบทางเดินหายใจ, การสัมผัสผิวหนัง, การรับประทานอาหาร, หรือผ่านทางการสัมผัสโดยตรง เช่น การจับมือ การใช้อากาศร่วมกัน หรือการสัมผัสร่างกาย เป็นต้น หากโรคติดต่อนั้นๆมีการแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว สู่ชุมชนที่มีประชากรจำนวนมาก โรคดังกล่าวก็กลายเป็นโรคระบาดเมื่อมีการถ่ายทอดไปยังผู้อื่นแสดงว่ามีการะบาดของโรคนั้นขึ้นและจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องมีมาตรการควบคุมที่เคร่งครัดและการป้องการที่ได้มาตรฐานเพื่อลดอัตราการป่วยตายและการแพร่กระจายของโรคที่เกิดขึ้น โรคติดต่อที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ได้แก่ โรคหัด โรคมือ เท้า ปาก โรคเฮอร์แปงไจน่า โรคโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
โรคหัด (Measles) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส Measles ซึ่งพบได้ในจมูกและลำคอของผู้ป่วย ลักษณะอาการของโรค คือ ไข้ออกผื่น ไข้สูง ตาแดง มีจุดสีเทาขาวภายในกระพุ้งแก้ม (Koplik's spots) และอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด ไอร่วมด้วย พบได้ทุกวัย และพบได้บ่อยในเด็กเล็ก อายุ 1 - 6 ปี โรคนี้ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยการหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศจากการไอ จามของผู้ป่วย หรือจากการสัมผัสน้ำมูกและน้ำลายของผู้ป่วยโดยตรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและผู้ที่มีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ นอกจากนี้โรคหัดยังอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้แก่ หูชั้นกลางอักเสบ ปอดอักเสบ สมองอักเสบ และอาจจะส่งผลทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
สถานการณ์โรคหัดในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 ตุลาคม 2567 พบผู้ป่วยไข้ออกผื่นหรือสงสัยหัดจำนวนทั้งสิ้น 8,106 ราย ได้รับการยืนยันโรคหัดจากทางห้องปฏิบัติการจำนวน 3,475 ราย เสียชีวิตจำนวน 7 รายจากการติดตามประวัติวัคซีนป้องกันโรคหัดพบว่าผู้เสียชีวิต 4 ราย ไม่เคยได้รับวัคซีน และ 2 ราย ไม่ทราบหรือไม่แน่ใจประวัติการได้รับวัคซีน และผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้รับวัคซีน 1 เข็ม สถานการณ์โรคหัดในจังหวัดนราธิวาส ข้อมูลจากสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 21 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยไข้ออกผื่นหรือสงสัยหัดจำนวนทั้งสิ้น 1,259 ราย ได้รับการยืนยันโรคหัดจากทางห้องปฏิบัติการจำนวน 951 ราย พบผู้เสียชีวิต 1 ราย สถานการณ์โรคหัดในอำเภอสุไหงโก-ลก ข้อมูลจากสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 21 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยไข้ออกผื่นหรือสงสัยหัดจำนวนทั้งสิ้น 86 ราย ได้รับการยืนยันโรคหัดจากทางห้องปฏิบัติการจำนวน 64 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต สถานการณ์โรคหัดในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ข้อมูลจากโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 21 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยไข้ออกผื่นหรือสงสัยหัดจำนวนทั้งสิ้น 53 ราย ได้รับการยืนยันโรคหัดจากทางห้องปฏิบัติการจำนวน 25 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยเด็กเล็ก และพบการระบาดในหลายโรงเรียน โดยเฉพาะในระดับชั้นก่อนอนุบาลจนถึงประถมศึกษา และพบว่ามากกว่าร้อยละ 95 ของผู้ป่วยไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด
ดังนั้น ทางกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้เล็งเห็นความสำคัญของสุขอนามัยเด็กจึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้ครูผู้ดูแล ผู้ปกครอง และเด็กเล็กมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันโรคหัดและโรคติดต่ออื่น ๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเฝ้าระวัง ควบคุมป้องกันโรคหัดเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคในพื้นที
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/01/2025
กำหนดเสร็จ 31/07/2025
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
สามารถถัวเฉลี่ยได้ทุกรายการ
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ครูผู้ดูแล ผู้ปกครอง และเด็กเล็กมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหัดและโรคติดต่ออื่น ๆ และร่วมกันป้องกันควบคุมการเกิดโรคติดต่อในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
2. ครูผู้ดูแล และผู้ปกครองมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดในเด็ก
3. ลดอัตราการป่วยด้วยโรคหัดและโรคติดต่ออื่น ๆ ในเด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก