2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
หลักการเเละเหตุผล
ภาวะโลหิตจาง ถือเป็นความผิดปกติทางระบบเลือดที่พบได้บ่อยที่สุดในสตรีตั้งครรภ์ โดยมีอุบัติการณ์เฉลี่ยร้อยละ 42 ของการตั้งครรภ์ แต่ในประเทศที่กำลังพัฒนาพบความชุกมากถึงร้อยละ 35-75 และจะมีความรุนแรงที่มากขึ้นดังมีรายงานการเสียชีวิตของมารดาสัมพันธ์กับภาวะโลหิตจางถึงร้อยละ 20โดยภาวะ โลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์หมายถึงภาวะที่ค่าความเข้มข้นของ ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin, Hb) ต่ำกว่า 11 กรัมต่อเดซิลิตร หรือค่าฮีมาโตคริต(Hematocrit, Hct) ต่ำกว่า 33 เปอร์เซ็นต์สาเหตุสำคัญของภาวะ โลหิตจางในสตรีตั้งครรภ์คือการขาดสารอาหารจากธาตุเหล็กและกรดโฟลิก แต่สาเหตุที่พบบ่อยของการขาด ธาตุเหล็กเกิดจากขณะตั้งครรภ์มีความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นและหญิงตั้งครรภ์มีพฤติกรรมการดูแลตนเองที่ ไม่เหมาะสม ได้แก่ การบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายที่ต้องการธาตุเหล็ก เพิ่มขึ้น หญิงตั้งครรภ์รับประทานอาหารจานด่วน ขนมปังหรือ ขนมกรุบกรอบแทนอาหารมื้อหลัก 3 ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ ตับ รับประทานผักไม่ครบทุกมื้อ เลือกเวลาดื่มนมไม่เหมาะสม รับประทานยาเม็ดเสริม ธาตุเหล็กพร้อมนม หรือรับประทานหลังอาหารทันที และรับประทานไม่สม่ำเสมอทุกวัน รวมถึงเมื่อ รับประทานยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กแล้วมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก และภาวะโลหิตจางรุนแรงจะทำให้ ทารกแรกเกิดมีโอกาสน้ำหนักตัวน้อย คลอดก่อนกำหนด คะแนนแอพการ์ แรกคลอดไม่ดี ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ เกิดการเจ็บป่วย ภายหลังคลอด และทำให้การเจริญเติบโตไม่ดี ในวัยเด็กและวัยรุ่น และยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของมารดา เนื่องจากการทำงานของหัวใจหนักขึ้น เพิ่มความเสี่ยงหัวใจล้มเหลว โอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ง่ายขึ้น ช่วงการคลอดและหลังคลอดมีผลกระทบซ้ำเติมต่อมารดาจากการเสียเลือด ทำให้เกิดจากวะช็อก ได้ สัมพันธ์กับการเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (postpartum depression)
กระทรวงสาธารณสุข กำหนดตัวชี้วัดภาวะซีดในหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเกิน ร้อยละ 14 เเต่จากข้อมูลในปีงบประมาณ 2567 พบหญิงตั้งครรภ์ในเขตตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จำนวน 184 คน มีภาวะซีด 38 คน คิดเป็นร้อยละ 20.65 อายุระหว่าง 16-25 ปีพบว่าซีดมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 89 การศึกษาส่วนใหญ่ชั้นมัธยม พบร้อยละ 64 รายได้ครอบครัวส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง5,000-10,000 บาท ต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 53 กลุ่มที่มีภาวะซีด พบว่าร้อยละ 72 ไม่ได้กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงทุกวันร้อยละ 16 ไม่เคยได้รับความรู้เรื่องภาวะซีดในหญิงตั้งครรภ์ (ฝากครรภ์ในคลินิกนอก) และร้อยละ 15 ที่ไม่ได้กินยาเสริมธาตุเหล็กทุกวัน เนื่องจาก กินแล้วจะมีอาการข้างเคียงคือมึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เหม็นและท้องผูก
จากข้อมูลข้างต้น ผู้รับผิดชอบงานแม่และเด็ก จึงสนใจ พัฒนากิจกรรมการดูแลหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอดเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาภาวะซีด โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลพิมาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข คาดว่าจะสามารถลดและป้องกันการเกิดภาวะซีดในหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอดได้
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/04/2025
กำหนดเสร็จ 31/08/2025
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
ค่าใช้จ่ายทุกรายการถั่วเฉลี่ยจ่ายกันได้
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ตำบลพิมาน มีจำนวนหญิงตั้งครรภ์/หญิงหลังคลอดที่มีภาวะซีดลดลง
2. หญิงตั้งครรภ์/หญิงหลังคลอด สามารถดูเเลตนเองได้ในการป้องกันเเละเเก้ปัญหาภาวะซีดได้
3.หญิงตั้งครรภ์/หญิงหลังคลอด มีภาวะเเทรกซ้อนจากภาวะซีดลดลง