2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ พบมากในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมมาก ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมโรคจะดำเนินไปเรื่อยๆ อาจทำให้มีความเจ็บปวด ข้อเข่าผิดรูป เดินได้ไม่ปกติ การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันต่างๆ ก็ทำได้ไม่สะดวก จะมีความทุกข์ทรมานทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจหากประชาชนหรือผู้ที่เริ่มมีอาการข้อเข่าเสื่อมมีความรู้สามารถดูแลตนเองเพื่อชะลอความเสื่อม หรือบรรเทาอาการของข้อเข่าเสื่อม ก็จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวพบว่าในปี ๒๕64 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมกว่า ๖ ล้านคน พบทั้งผู้สูงอายุและวัยกลางคนมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกทุกๆปี โดยในอดีตโรคข้อเข่าเสื่อม ส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุ แต่ทุกวันนี้พบในอายุน้อยลง ในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า ๔๕ ปี ผู้ชายจะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิง ในกลุ่มอายุมากกว่า ๔๕ ปี ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย และยังพบอีกว่าทั้งชายและหญิงที่มีอายุ ๗๕ ปีขึ้นไป จะป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าร้อยละ ๘๐-๙๐ นอกจากอายุจะเป็นปัจจัยที่สำคัญแล้ว ยังพบว่าอาชีพหรือการทำงานหนักก็เป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดอาการข้อเข่าเสื่อมได้ง่าย ผลการคัดกรองข้อมูลผู้สูงอายุในประเทศไทยในปี ๒๕67พบว่า ผู้สูงอายุที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงร้อยละ ๙๗.๔ ภาวะโภชนาการร้อยละ ๑๐.๒ โรคเบาหวานร้อยละ ๙.๔ โรคข้อเข่าเสื่อมร้อยละ๘.๗ โรคหัวใจแลหลอดเลือดร้อยละ ๖.๖ ตาต้อกระจกร้อยละ๕.๓ ตามลำดับ ซึ่งการรักษาโดยทั่วไปจะได้รับการรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบัน ด้วยการให้ยารับประทาน หรือไม่ก็ผ่าตัด ส่วนการดูแลรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยนั้น จะมีการรักษาด้วยการนวดกดจุด การจ่ายยาสมุนไพร และการพอกยาเพื่อช่วยลดหรือบรรเทาอาการปวด ยาสมุนไพรนั้นถือว่าเป็นยาที่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ และเป็นการนำสมุนไพรที่อยู่รอบๆตัวมาใช้ประโยชน์ ส่วนการพอกด้วยสมุนไพรก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แพทย์แผนไทยนิยมใช้ในการรักษาโรคจับโปงเข่าหรือโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งโรคจับโปงเข่า จะมีอาการปวดมาก บวม แดง ร้อน ขณะที่บวมและอักเสบจะมีความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งการพอกด้วยสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรมาพอกเพื่อดูดพิษการอักเสบตามข้อต่างๆ ที่มีอาการปวด บวม แดง ร้อน
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พบว่าโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นหนึ่งในจำนวนหลายๆโรคที่ตรวจพบ ดังนั้นงานแพทย์แผนไทยจึงมีแนวทางการดูแลรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดข้อเข่า และการรับประทานยาแผนปัจจุบัน ซึ่งการรับประทานยาจะทำให้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหลายด้าน อาทิ เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
จากข้อมูลดังกล่าวโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปันแตได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสุขภาพของกลุ่มวัยผู้สูงอายุ จึงได้จัดทำโครงการโครงการป้องกันและชะลอ ข้อเข่าเสื่อม ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกเพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมใช้สมุนไพรในการพึ่งตนเองได้ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะข้อเข่าเสื่อม วิธีการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยตลอดจนการนำไปใช้อย่างเหมาะสม เพื่อลดปัญหาความเจ็บป่วยข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ ตอบสนองนโยบายกรมพัฒนางานแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และนโยบายงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจังหวัด
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/03/2025
กำหนดเสร็จ 31/08/2025
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1.ระดับความเจ็บปวดลดลง อย่างน้อย 1 ระดับ
2.ลดการใช้ยาแผนปัจจุบันในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่า