2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
จากรายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2566 พบว่า กลุ่มเด็กอายุ 12 ปี ได้รับการตรวจฟัน ร้อยละ 84.70 เป็นช่วงที่มีฟันถาวรขึ้นครบ 28 ซี่ เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งที่ 8 พบว่า ความชุกโรคฟันผุลดลง จากร้อยละ 52.00 เป็นร้อยละ 49.70 ผุเฉลี่ย 1.2 ซี่ต่อคน มีสภาวะเหงือกอักเสบ สูงถึงร้อยละ 80.20 สถานการณ์การเกิดโรคฟันผุลดลงทั้งในภาพรวมประเทศ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในภาคใต้ โดยพบว่ามีฟันผุระยะเริ่มต้น ร้อยละ 52.70 ฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษา ร้อยละ 36.60 และได้รับการเคลือบหลุมร่องฟัน ร้อยละ 34.40 ปัจจุบันพบว่าเด็กไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งมีฟันผุ ซึ่งถ้าไม่ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี รวมถึงพฤติกรรมการบริโภค ปัญหาสุขภาพช่องปากจะสะสมและมีความรุนแรงจนอาจเกิดการสูญเสียฟันถาวรตั้งแต่เด็กได้ แต่อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่า เด็กวัยเรียนอายุ 12 ปี มีพฤติกรรมสุขภาพช่องปากที่ไม่เหมาะสม โดยจากรายงานดังกล่าว พบว่า เด็กวัยเรียนอายุ 12 ปี ร้อยละ 57.80 ไม่เคยแปรงฟันหลังอาหารกลางวันที่โรงเรียน แปรงฟันก่อนนอนทุกวัน ร้อยละ 57.80 มีพฤติกรรมกินลูกอม สูงถึงร้อยละ 73.60 และมีพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมากกว่า 2 ครั้งต่อวันขึ้นไปร้อยละ 10.60 กินขนมกรุบกรอบ ร้อยละ 16.10 (แนวทางการดำเนินงานทันตสาธารณสุข, 2568) การฝึกฝนให้เด็กมีทันตสุขนิสัยที่ดี การส่งเสริมและป้องกันรวมทั้งการบำบัดรักษาในระยะเริ่มแรกของการเป็นโรค จะช่วยป้องกันและควบคุมโรคในช่องปากของเด็กได้ เด็กส่วนมากมักบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ขนมขบเคี้ยว ทอฟฟี่ ช็อคโกแลต ขนมหวานต่างๆ การที่เด็กรับประทานอาหารเหล่านี้เข้าไปจะทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องฟันผุ ซึ่งปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับเด็กช่วงวัยเรียนเป็นส่วนมาก การที่จะปลูกฝังให้เด็กรักการแปรงฟันนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์ออกจากตัวฟันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ปัญหาฟันผุลดน้อยลง การแปรงฟันเป็นวิธีการนำฟลูออไรด์เข้าไปในตัวฟันทำปฏิกิริยากับผิวฟันทำให้ฟันแข็งแรง สามารถหยุดการผุของฟันในระยะเริ่มต้นได้ (กรมอนามัย, 2566) และเพื่อเป็นการส่งเสริมทันตสุขภาพและป้องกันฟันผุ รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมสุขลักษณะนิสัยที่ดี โดยพบว่าอัตราการเกิดโรคฟันผุในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาลดลง แต่ยังพบว่าจังหวัดยะลามีค่าฟันผุสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ดังนั้น ปัญหาเด็กฟันผุยังคงเป็นปัญหาสำคัญของจังหวัดยะลาที่ยังต้องดำเนินการแก้ไข ในปีงบประมาณ 2565 - 2567 มีเด็กอายุ 6 – 12 ปี ได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก ร้อยละ 16.44, 45.67 และ 56.86 ตามลำดับ เด็กอายุ 6 - 12 ปี ได้รับบริการทันตกรรม ร้อยละ 26.08, 39.04 และ 55.49 ตามลำดับ (HDC ข้อมูลระบบ 43 แฟ้ม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา, 2567)นอกจากนี้จากการตรวจสุขภาพช่องปากนักเรียนตามระบบเฝ้าระวังทันตสุขภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะเตงนอก พบว่า ในปีงบประมาณ 2565 – 2567 เด็กอายุ 12 ปี มีฟันผุในฟันแท้ที่ร้อยละ 42.11, 40.63 และ 39.34 ตามลำดับ
งานทันตกรรม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะเตงนอก เห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมการส่งเสริมดูแลสุขภาพช่องปากในโครงการยิ้มอย่างสดใส มั่นใจฟันสวย ปี 2568 เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นเด็กชั้นประถมศึกษาตอนปลายของโรงเรียนบ้านนิบงพัฒนา โรงเรียนญัณญาวิทย์ และโรงเรียนอิสลาฮียะห์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสะเตงนอก เพื่อให้มีความรู้และพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง ได้ฝึกทักษะและแปรงฟันที่ถูกวิธี และทำให้เกิดโรคฟันผุน้อยลงจะช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุ เหงือกอักเสบในช่องปากและเพื่อค้นหาผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก เพื่อรับการรักษาหรือส่งต่อผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพทางช่องปากต่อไป
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น
กำหนดเสร็จ
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. เพื่อให้กลุ่มแกนนำนักเรียนมีความรู้และความเข้าใจในการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง
2. เด็กวัยเรียนได้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
3. เพื่อให้ทุกกลุ่มอายุมีการแปรงฟันที่ถูกวิธีและป้องกันฟันผุได้ถูกต้อง