2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aging Society) และคาดว่าในปี พ.ศ. 2574 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2566) รายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี พ.ศ. 2583 ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคสาธารณสุขและสังคม เนื่องจากผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเผชิญกับปัญหาสุขภาพเรื้อรังมากขึ้น การมีสุขภาพที่แข็งแรงและสามารถดูแลตนเองได้จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยลดภาระของภาครัฐ ลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2566)
การสูงวัยมาพร้อมกับกระบวนการเสื่อมของร่างกาย ทำให้ความสามารถในการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) หนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุคือ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus: T2DM) ซึ่งมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นตามอายุ จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค (2566) พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยเบาหวานมากกว่า 5 ล้านคน และส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โรคเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังที่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจโรคไตเรื้อรัง ตาพร่ามัว หรือแผลเรื้อรังที่นำไปสู่การสูญเสียอวัยวะ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุลดลงและ เพิ่มภาระต่อระบบสาธารณสุข การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานจึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างมีระบบและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในระยะยาว (กรมควบคุมโรค, 2566)
ดังนั้น โครงการ “การพัฒนาการโค้ชวิถีชีวิตในผู้สูงอายุและผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เทศบาลเมือง สะเตงนอก จังหวัดยะลา” จึงมีความสำคัญในการช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถจัดการตนเองได้ดีขึ้นผ่านกระบวนการ โค้ชวิถีชีวิต (Lifestyle Coaching) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถส่งเสริมให้บุคคลเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการโค้ชจะมุ่งเน้นให้ผู้สูงอายุได้เรียนรู้และฝึกฝนการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพจิตของตนเองภายใต้แนวคิดผู้สูงอายุเป็นศูนย์กลาง (Person-Centered Care)ที่คำนึงถึงบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของพื้นที่ การดำเนินโครงการในเทศบาลเมืองสะเตงนอก จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะด้านสังคมและวัฒนธรรม จะช่วยให้การโค้ชสามารถเข้าถึงและตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุได้อย่างแท้จริง อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในระยะยาว ลดอัตราภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน และส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตได้อย่างแข็งแรงและมีความสุขในสังคมสูงวัยที่กำลังเกิดขึ้น
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น
กำหนดเสร็จ
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1) ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ในการปรับพฤติกรรม เพื่อดูแลตนเอง
2) ผู้สูงอายุมีผลการทดสอบความรู้ก่อน - หลังอบรม เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 (Pre - Post Test)
3) ผู้เข้าร่วมอบรมมีแผนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อย่างน้อย คนละ 1 พฤติกรรม