2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ครูปฐมวัยเป็นวิชาชีพที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูงต้องใช้ศิลป์และศาสตร์ในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาวิชาชีพครู ให้มีมาตรฐานสูงให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องก้าวทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของวิทยาการ เทคโนโลยี ค่านิยม วัฒนธรรมทางสังคม การปฏิบัติงานของครูปฐมวัยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการสอน (Teaching) ในห้องเรียนเท่านั้น การจัดการเรียนการสอนของครูปฐมวัยส่วนใหญ่มักจะเป็นไปในลักษณะที่ใช้พื้นฐานความรู้เดิม ความสนใจส่วนตัว และประสบการณ์เดิม มีครูปฐมวัยจำนวนน้อยมากที่ใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือเพื่อนำผลการวิจัยมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนางานของตน ซึ่งการที่ครูปฐมวัยจะพัฒนาตนเองไปสู่การทำงานที่เป็นระบบเข้าถึงเด็กและรู้ทันการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสามารถจัดการเรียนการสอนอย่างครูปฐมวัยมืออาชีพ เป้าหมายการเป็นครูปฐมวัยมืออาชีพได้ตาม พรบ. การศึกษาแห่งชาติ มาตรา 30 ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพและมีความสุข เพื่อไม่ให้เป็นการปิดกั้นการพัฒนาสมองของเด็กตามวัยที่เหมาะสม เมื่อการศึกษาในระดับปฐมวัยเน้นแต่ด้านวิชาการทำให้ระบบการจัดการศึกษาของโรงเรียนส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามนั้นทำให้เด็กมีโอกาสในการเล่น รวมถึงการเรียนทักษะต่าง ๆ ที่ควรฝึกในช่วงปฐมวัยลดลง เช่น การฝึกกล้ามเนื้อการปลูกฝังมารยาทและจิตสำนึก หรือแม้แต่การฝึกการเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน จากการวิจัยพบว่า เมื่อเด็ก ๆเริ่มเรียนวิชาการตั้งแต่ในระดับปฐมวัยในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดการปิดกั้นการพัฒนาสมองของเด็กในด้านอื่นๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์และการคิดแก้ปัญหา เพราะในความจริงแล้วเด็กปฐมวัยต้องการการฝึกฝนทักษะทางการสังเกต และการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่เกิดจากการได้เล่น ได้เรียนรู้ ทดลอง และลงมือทำด้วยตนเอง ที่จะเป็นการเพิ่มความสามารถของพวกเขาเพื่อเป็นการกระตุ้นให้สมองให้พัฒนาได้อย่างเต็มความ สามารถ ที่ทำให้เซลล์สมองสามารถแตกแขนงออกไปได้มาก เตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาของช่วงต่อไปเมื่อโตขึ้น แต่เมื่อเด็กไม่ได้รับการฝึกทักษะทางด้านนี้อย่างเต็มที่ แต่กลับถูกจำกัดให้เรียนแต่ด้านวิชาการ ทำให้มีแค่เซลล์สมองส่วนความ จำเท่านั้นที่พัฒนา ในขณะที่เซลล์สมองอื่นๆ ของเด็กไม่แตกแขนง และไม่ได้พัฒนาอย่างที่ควรจะเป็นอย่างเหมาะสมตามวัยและเมื่อเลยวัยนี้ไปแล้ว ก็เป็นการยากที่จะกลับมาพัฒนาได้อีก เพื่อลดความเลื่อมล้ำโอกาสใน
การศึกษา จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ควรเข้าไปส่งเสริมพัฒนาเด็ก ทักษะสมอง Executive Functions (EF) คือทักษะที่จะช่วยให้เด็ก “คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนอื่นเป็น และหาความสุขเป็น”EF ช่วยให้เด็กมีเหตุมีผล ยับยั้งชั่งใจได้ กำกับอารมณ์และพฤติกรรมตนเองได้ วางแผนทำงานเป็น ใจจดจ่อ ทำการใดไม่วอกแวก จดจำประสบการณ์ในอดีต มาเชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และคาดการณ์ผลในอนาคตได้ ช่วยให้เด็กจัดการกับงานหลาย ๆ อย่างให้ลุล่วงเรียบร้อยได้ จัดลำดับงานเป็นขั้นเป็นตอน ยึดเป้าหมายแล้วมุ่งมั่น พากเพียร ทำไปเป็นขั้นตอนจนสำเร็จ EFช่วยให้เด็กพัฒนาตนจากการมีชีวิตที่มีคุณค่าแห่งคุณงามความดี บ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินชีวิตที่ดี นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อและพฤติกรรมที่ดีงามซึ่งช่วงปฐมวัยจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการสร้างมนุษย์ให้ก้าวหน้าและมีคุณค่าต่อสังคม เพราะเซลล์ประสาทในสมองของเด็ก อายุ ๓-๖ ปี จะมีการเจริญเติบโตรวดเร็วมากหรือเป็นช่วง “หน้าต่างแห่งโอกาส” ที่จะพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้าให้สามารถควบคุมความรู้สึก การคิดและการกระทำหรือเรียกว่าทักษะสมอง EF( Executive Functions) “ความสามารถของสมองในการบริหารจัดการชีวิต” เพราะการวางพื้นฐานด้านพฤติกรรมและบุคลิกภาพของมนุษย์ในช่วงอายุแรกเกิด ถึง ๖ ปี เป็นช่วงวัยที่เหมาะสมในการสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กนับตั้งแต่ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ครู และชุมชน ที่จะเข้าร่วมในการเตรียมความพร้อมให้เด็กเติบโตอย่างเต็มศักยภาพและสร้างพฤติกรรมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับเด็ก ในโลกแห่งศตวรรษที่ ๒๑ โดยไม่ตกเป็นเหยื่อของผลจากการพัฒนาที่เป็นไปอย่างรุนแรง รวดเร็วและซับซ้อน ครูปฐมวัยจึงมีบทบาทและหน้าที่โดยตรงที่จะเป็นผู้วางรากฐานให้เด็กสามารถ “คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนอื่นเป็น และมีความสุขเป็น”
ดังนั้น กองการศึกษา องค์การบริหารส่วนตำบลป่าชิง จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมพัฒนาการสมวัยในเด็กปฐมวัย “พัฒนาทักษะสมอง (Executive Function : EF)เพื่อให้ครูผู้สอนปฐมวัยมีความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้จัดกิจกรรม เป็นกิจกรรมที่กลุ่มเป้าหมายจะได้นำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย อีกทั้งยังเป็นการให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ซึ่งเป็นพันธกิจหลักของกองการศึกษา และสามารถนำผลงานและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (Executive Function : EF) เพื่อชีวิตที่สำเร็จของเด็กปฐมวัยมาประยุกต์ใช้ในการจัดประสบการณ์เรียนรู้ได้ รวมทั้งเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้อย่างมีความสุข
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/04/2025
กำหนดเสร็จ 31/05/2025
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ครูปฐมวัย ผู้ปกครอง มีความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้จัดกิจกรรม สามารถนำผลงานและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะสมอง (Executive Function : EF)
2. เด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเกิดทักษะสมอง EF โดยการใช้กิจกรรมเป็นสื่อที่หลากหลาย