แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
“โครงการสุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ลดภาวะแทรกซ้อน โรคเบาหวาน–ความดัน รพ.สต.บ้านควนพระ ประจำปีงบประมาณ 2569”ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านควนพระ
หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 11
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่พบมากในชุมชน และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง และโรคจอประสาทตาเสื่อม ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารเค็มหรือหวานจัด การขาดการออกกำลังกาย และการไม่รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านควนพระ จึงจัดทำโครงการ “สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ลดภาวะแทรกซ้อน โรคเบาหวาน–ความดัน รพ.สต.บ้านควนพระ” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันและลดภาวะแทรกซ้อนจากโรค
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น : 01/01/2026
กำหนดเสร็จ : 30/09/2026
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1.ผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการควบคุมโรคของตนเองเพิ่มขึ้น
2.ผู้ป่วยมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมมากขึ้น เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ลดหวาน มัน เค็ม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
3.ค่าระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ไตวาย และหลอดเลือดสมอง
4.เกิดการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และชมรมผู้ป่วยในการดูแล ติดตาม และให้คำแนะนำผู้ป่วยในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
5.ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาลหรือการเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง
6. ชุมชนมีเครือข่ายการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงอย่างยั่งยืน และสามารถขยายผลเป็นต้นแบบสู่พื้นที่อื่นได้