แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.กาบัง
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.กาบัง
หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต.
เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลกาบัง
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ภาวะโภชนาการ-พัฒนาการในเด็กช่วงอายุ 0-5 ปี เป็นช่วงที่มีอัตราของการพัฒนาสูง ด้วยเหตุนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ผู้เลี้ยงดูเด็กต้องมีความรู้ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญให้มากจึงจะช่วยส่งเสริมให้เด็กได้รับการพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพจาการติดตามประเมินโภชนาการและพัฒนาการ ในพื้นที่ ม.4 ม.5 ม.7
อ.กาบัง จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลกาบังนั้น พบว่า เด็กในช่วงอายุ 0-5 ปี มีภาวะ
ทุพโภชนาการ และ พัฒนาการสมวัยอยู่ในเกณฑ์ต่ำดังนี้ ด้านโภชนาการ ปี 2559 สูงดีสมส่วน 77.05 % ปี2560 สูงดีสมส่วน 72.67 %ปี2561 สูงดีสมส่วน 70.73 %และพบว่าเด็กมีภาวะผอม 39.75 %และค่อนเตี้ย-เตี้ย ค่อนข้างสูงถึง 54.84 %
ข้อมูลด้านพัฒนาการ ปี 2559 พัฒนาการสามวัย 93.18 %ปี 2560พัฒนาการสมวัย 86.32% ปี 2561 (ไตรมาส 1 ต.ค 2561-
31 ธ.ค 2561) พัฒนาการสมวัย 70.09%และมีความครอบคลุมของการตรวจพัฒนาการค่อนข้างน้อยเพียง 36.69% จากการดำเนินงานที่ผ่านมา จะเห็นว่าประชาชนยังไม่เห็นความสำคัญของการดูแลโภชนาการและการกระตุ้นพัฒนาการในเด็ก อีกทั้งไม่มีความรู้ในการดูแลบุตรที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จากการสอบถามผู้ปกครองพบว่าอาหารมื้อเช้า มีเพียงร้อยละ ๒๐ ที่ผู้ปกครองทำกับข้าวเอง อีกร้อยละ ๘๐ ซื้อกินที่ร้านอาหาร ซึงมักเป็น ขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก ฯลฯ ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อย และมีผงชูรสมาก ส่งผลให้เด็กมีภาวะทุพโภชนการได้ง่าย ส่วนด้านพัฒนาการ จะเห็นว่าผู้ปกครองพาเด็กมาตรวจตามนัดเพียงร้อยละ ๒๗ซึ่งค่อนข้องน้อยมาก ทำให้การดำเนินงานส่งเสริมโภชนาการและพัฒนาการในเด็กมีผลลัพธ์ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
จากปัญหาดังกล่าวทีมสุขภาพจึงเห็นว่าการพัฒนาความรู้ให้แก่ผู้ปกครองจะเป็นการปูพื้นฐานและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ปกครอง
สามารนำไปส่งเสริมให้บุตรมีภาวะโภชนาการและพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อไป
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์
ข้อที่1 เพื่อให้ผู้ปกครองเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ มีความรู้ในการจัดการอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ และเหมาะสมตามวัย ตามคู่มือสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก
ข้อที่ 2 เพื่อให้ผู้ปกครองเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ มีความรู้และสามารถประเมินภาวะโภชนาการเด็กได้ตามคู่มือสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก
ข้อที่ 3.เพื่อให้ผู้ปกครองเด็กอายุ 0-5 ปี มีความรู้ในการประเมินพัฒนาการตามคู่มือ DSPM และ DAIM
ตัวชี้วัดความสำเร็จ
-ผู้ปกครองเด็กกลุ่มเป้าหมาย มีความรู้เรื่องการจัดการอาหารเด็กตามกลุ่มอายุ ได้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80
-ผู้ปกครองเด็กกลุ่มเป้าหมาย มีความรู้เรื่องการประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือประเมินพัฒนาการเด็ก DSPM ได้ถูกต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
-ผู้ปกครองเด็กกลุ่มเป้าหมาย มีความรู้เรื่องการประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือประเมินพัฒนาการเด็ก DSPM และ DAIM
ได้ถูกต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/07/2018
กำหนดเสร็จ 30/09/2018
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. เด็กกลุ่มเป้าหมายมีความรู้และได้รับการฝึกการจัดอาหารให้เหมาะสมตามกลุ่มวัย และมีความรู้เรื่องการประเมินพัฒนาการเด็กด้วยตนเอง โดยใช้คู่มือที่เกี่ยวข้องได้ถูกต้อง
2. ผู้ปกครองเด็กกลุ่มเป้าหมาย มีทัศนคติที่ดี มีแรงจูงใจ และเห็นความสำคัญของการดูแลด้านโภชนาการและพัฒนาการ ให้บุตรหลานได้ถูกต้องตามหลักวิชาการ
3. เด็ก ๐-๕ ปี มีภาวะโภชนาการดี และได้รับการกระตุ้นพัฒนาการเหมาะสมตามวัย
4. สามารถค้นหาเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ และพัฒนาการล่าช้าเบื้องต้นได้รวดเร็วโดยผู้ปกครองเองและผู้สามารถเข้าถึงบริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
5. ลดต้นทุนในการบริการสุขภาพจาการเจ็บป่วยที่สามารถป้องกันได้