กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

โครงการใส่หมวกใส่แมสป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และป้องกันการบาดเจ็บและเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้การสร้างวินัยจราจร ในชุมชน หมู่ที่ 3 (บ้านใหม่ แหลมยาง)ตำบลหารเทา

แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลหารเทา

1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม

โครงการใส่หมวกใส่แมสป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และป้องกันการบาดเจ็บและเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้การสร้างวินัยจราจร ในชุมชน หมู่ที่ 3 (บ้านใหม่ แหลมยาง)ตำบลหารเทา

ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา

กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลหารเทา

อสม. หมู่ที่ 3 (บ้านใหม่ แหลมยาง)ตำบลหารเทา

นางวรดาจิตรหมั้น
นางกาญจนาแก้วคล้าย
นางวันดีจูดมาก
นส.กาญจนา เทพมาก
นางนิรัตน์เกิดหนู

หมู่ที่ 3 (บ้านใหม่ แหลมยาง)ตำบลหารเทา

2. ความสอดคล้องกับแผนงาน

แผนงานความปลอดภัยทางถนน

3. สถานการณ์

สถานการณ์ปัญหาขนาด

โรคไวรัสโรโลน่าระบาดหนักในประเทศไทยและทั่วโลกซึ่งการที่ประชาชนมีพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นการช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่งและจากสวมหมวกนิรภัยจะเป็นการช่วยลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งร้อยละ99 สาเหตุเกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย โดยรายงานของสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ยังเผยว่า มีเด็กไทยเพียง 7% เท่านั้นที่ใส่หมวกนิรภัยระหว่างการเดินทาง ซึ่งอัตราการใช้หมวกนิรภัยจำนวนน้อยนี่เอง สะท้อนให้เห็นถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าภัยอันตรายรอบตัวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดฝัน และเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่พ่อแม่และผู้ปกครองหลายๆ คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการให้บุตรหลานสวมใส่หมวกนิรภัยขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ แล้วก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่แม้จะสวมหมวกนิรภัยให้เด็ก แต่กลับไม่รู้ว่าจะเลือกใช้หมวกนิรภัยที่มีคุณภาพ มีขนาดพอดีกับศีรษะเด็ก และจะสวมใส่หมวกนิรภัยให้เด็กอย่างถูกวิธีได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยและได้มาตรฐาน รวมถึงการเรียนรู้วิธีการใช้ถนนอย่างถูกต้อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการป้องกันและสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ถูกต้องในการใช้ถนน การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง ให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้หมวกนิรภัย พร้อมอบรมการใช้งานที่ถูกวิธี ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในการช่วยลดจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ถือเป็นอนาคตของชาติ
จังหวัดพัทลุง มีอัตราการสวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 26ในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 3 บลหารเทา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุงมีจำนวนครัวเรือน ทั้งสิ้น จำนวน 2,616 ครอบครัว ซึ่งไม่ค่อยสวมหมวกนิรภัย ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกคนสวมหมวกนิรภัย ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตำบลหารเทาได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนของชุมชน โดยการจัดอบรมด้านความปลอดภัยทางท้องถนน และการสาธิตใช้หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธีให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยเน้นให้เป็นประชาคมหมู่บ้าน และหวังจะลดจำนวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กไทยจากอุบัติเหตุทางถนนประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า การใส่หน้ากากอนามัยและการใส่หมวกนิริภัยก่อนการขับรถออกจากบ้านจะเป็นการป้องก้นโรคได้
ดังนั้น การสร้างพฤติกรรมใส่แมส ใส่หมวกก่อนออกจากบ้านและขับมอเตอร์ไซด์ จะช่วยป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุพร้อมชุมชนมีมาตรการในการควบคุมโรค

ระบุสถานการณ์ หลักการและเหตุผล หรือ ที่มาของการทำโครงการ เพิ่มเติม

4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด

  • บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
  • ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ / ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดเป้าหมาย 1 ปี
1 เพื่อส่งเสริมการสวมหน้ากากอนามัย และหมวกนิรภัยและได้มาตรฐานขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์

ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและ.สวมหมวกนิรภัยและได้มาตรฐานขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์อย่างน้อยร้อยละ 80

50.00 80.00
2 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบวินัยจราจร รวมถึงการมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้รถใช้ถนน และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตลอดถึงการสวมหน้ากากอนามัย

ประชาชนได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบวินัยจราจร และการใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ตลอดถึงการสวมหน้ากากอนามัยร้อยละ 80

50.00 80.00
3 เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนและลดการติดเชื้อโรคโคโรน่าไวรัส

อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนไม่เกิน 16 ต่อประชากร   แสนคน  ไม่มีผู้ติดเชื้อโรคโคโรน่าไวรัส

0.00
4 การประเมินการใช้หมวกนิรภัย/การสวมหน้ากากอนามัย

มีจำนวนผู้ใช้หมวกนิรภัยและสวมหน้ากากอนามัยในการขับขี่ ร้อยละ 100

0.00

โรคไวรัสโรโลน่าระบาดหนักในประเทศไทยและทั่วโลกซึ่งการที่ประชาชนมีพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นการช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่งและจากสวมหมวกนิรภัยจะเป็นการช่วยลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งร้อยละ99 สาเหตุเกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย โดยรายงานของสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ยังเผยว่า มีเด็กไทยเพียง 7% เท่านั้นที่ใส่หมวกนิรภัยระหว่างการเดินทาง ซึ่งอัตราการใช้หมวกนิรภัยจำนวนน้อยนี่เอง สะท้อนให้เห็นถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าภัยอันตรายรอบตัวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดฝัน และเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่พ่อแม่และผู้ปกครองหลายๆ คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญในการให้บุตรหลานสวมใส่หมวกนิรภัยขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ แล้วก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่แม้จะสวมหมวกนิรภัยให้เด็ก แต่กลับไม่รู้ว่าจะเลือกใช้หมวกนิรภัยที่มีคุณภาพ มีขนาดพอดีกับศีรษะเด็ก และจะสวมใส่หมวกนิรภัยให้เด็กอย่างถูกวิธีได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยและได้มาตรฐาน รวมถึงการเรียนรู้วิธีการใช้ถนนอย่างถูกต้อง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการป้องกันและสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ถูกต้องในการใช้ถนน การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง ให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้หมวกนิรภัย พร้อมอบรมการใช้งานที่ถูกวิธี ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากในการช่วยลดจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่ถือเป็นอนาคตของชาติ
จังหวัดพัทลุง มีอัตราการสวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 26ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลหารเทา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุงมีจำนวนครัวเรือน ทั้งสิ้น จำนวน 365 ครอบครัว ซึ่งไม่ค่อยสวมหมวกนิรภัย ดังนั้นเพื่อเป็นการสนองนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทุกคนสวมหมวกนิรภัย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หมู่ที่ 3 ตำบลหารเทาได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนของชุมชน โดยการจัดอบรมด้านความปลอดภัยทางท้องถนน และการสาธิตใช้หมวกนิรภัยอย่างถูกวิธีให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยเน้นให้เป็นประชาคมหมู่บ้าน และหวังจะลดจำนวนการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กไทยจากอุบัติเหตุทางถนนประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า การใส่หน้ากากอนามัยและการใส่หมวกนิริภัยก่อนการขับรถออกจากบ้านจะเป็นการป้องก้นโรคได้
ดังนั้น การสร้างพฤติกรรมใส่แมส ใส่หมวกก่อนออกจากบ้านและขับมอเตอร์ไซด์ จะช่วยป้องกันโรคไวรัสโคโรน่า และลดการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุพร้อมชุมชนมีมาตรการในการควบคุมโรค

5. กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
กลุ่มวัยทำงาน
กลุ่มผู้สูงอายุ
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง 365
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]

6. ระยะเวลาดำเนินงาน

วันเริ่มต้น 02/11/2020

กำหนดเสร็จ 31/08/2021

7. วิธีการดำเนินงาน

  • กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
  • งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด

กิจกรรมที่ 1 เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ในการดำเนินโครงการ

ชื่อกิจกรรม
เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ในการดำเนินโครงการ
รายละเอียดกิจกรรม/งบประมาณ/อื่นๆ
  • ค่าอุปกรณ์สาธิตจัดซื้อหมวกนิรภัย จำนวน 100 ใบ ใบละ 100 บาท      เป็นเงิน  10,000  บาท
ระยะเวลาดำเนินงาน
1 ธันวาคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563
ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)

 

จำนวนเงินงบประมาณของกิจกรรม (บาท)
10000.00

กิจกรรมที่ 2 จัดอบรมให้ความรู้ จำนวน 11 ครั้งๆ ละ 100 คน 2.1 การใช้ถนนอย่างถูกต้อง 2.2 การเลือกใช้หมวกนิรภัย/หน้ากากอนามัย 2.3 การสวมใส่หมวกนิรภัย/หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี -การสาธิตใช้หมวกนิรภัย/หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี 2.4 การปฐมพยาบาลเบ

ชื่อกิจกรรม
จัดอบรมให้ความรู้ จำนวน 11 ครั้งๆ ละ 100 คน 2.1 การใช้ถนนอย่างถูกต้อง 2.2 การเลือกใช้หมวกนิรภัย/หน้ากากอนามัย 2.3 การสวมใส่หมวกนิรภัย/หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี -การสาธิตใช้หมวกนิรภัย/หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี 2.4 การปฐมพยาบาลเบ
รายละเอียดกิจกรรม/งบประมาณ/อื่นๆ

. ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 100 คนๆ ละ 25 บาท จำนวน 1  มื้อ เป็นเงิน  2,500  บาท

ระยะเวลาดำเนินงาน
1 ธันวาคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563
ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)

 

จำนวนเงินงบประมาณของกิจกรรม (บาท)
2500.00

กิจกรรมที่ 3 5. จัดทำป้ายรณรงค์ ข้องใจ ใส่แมส ใส่หมวก

ชื่อกิจกรรม
5. จัดทำป้ายรณรงค์ ข้องใจ ใส่แมส ใส่หมวก
รายละเอียดกิจกรรม/งบประมาณ/อื่นๆ

ค่าป้ายรณรงค์ ข้องใจ  ใส่แมส ใส่หมวก จำนวน 1 ป้าย ๆ ละ  600 บาท  เป็นเงิน  600   บาท

ระยะเวลาดำเนินงาน
1 ธันวาคม 2563 ถึง 31 มกราคม 2564
ผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome)

 

จำนวนเงินงบประมาณของกิจกรรม (บาท)
600.00

งบประมาณโครงการ

จำนวนงบประมาณที่ต้องการสนับสนุน จำนวน 13,100.00 บาท

หมายเหตุ :

8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง

ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?

ผลผลิต
1. ประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากอนามัยทุกคนและสวมหมวกนิรภัย
2.ประชาชนมีทักษะ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคโคโรน่าและเคารพกฎระเบียบวินัยจราจร และการใช้รถใช้ถนนให้ปลอดภัย ร้อยละ 100
ผลลัพธ์
ประชาชน ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบวินัยจราจร รวมถึงการมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้รถใช้ถนน อันจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาจราจร และช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ใช้รถใช้ถนน โดยการสวมใส่หมวกนิรภัยและได้มาตรฐานขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จำนวนครั้งเกิดอุบัติเหตุลดลง และลดอัตราการบาดเจ็บ


>